xs
xsm
sm
md
lg

"ปธ.ตลาดหุ้น" ชี้ ศก.ไทยปีนี้โตไม่ถึง 3% ชู Soft Power แข่งตลาดโลก-ฐานผลิตรถ EV

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้เติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและภาคการบริการ รวมถึงการบริโภคในประเทศ แต่การส่งออกลดลงอย่างมีนัยสำคัญรวมทั้งเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญภาวะถดถอย จากการคาดการณ์ของหลายสถาบัน คาดว่าในปีนี้ไทยจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ต่ำกว่า 3% เพียงเล็กน้อย

โดยภาคธุรกิจหนึ่งที่ต้องติดตามคืออุตสาหกรรม Soft Power เป็นส่วนของความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมของประเทศ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ดนตรีและศิลปะการต่อสู้ของไทยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จากการวิจัยของตลาดหลักทรัพย์พบว่าภาคอุตสาหกรรม Soft Power มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นการวางยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรม Soft Power จึงมีความสำคัญต่อการแข่งขันในตลาดโลก

อย่างไรก็ตามขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว แต่ภาคการเงินกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนของตลาดโลก ที่เกิดจากความซับซ้อนในบริบทความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้นนโยบายทางการเงินเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจระดับมหภาคจึงมีความสำคัญในช่วงนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะมีความพร้อมและเติบโตต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจโลกจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

นอกจากนี้ความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของตลาด หลังจากเกิดวิกฤตจากการประพฤติไม่ชอบของบริษัท ซึ่งสั่นคลอนความมั่นใจ จึงต้องมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการกำกับดูแลตลาด โดยมุ่งเป้าไปที่การปฏิบัติตามกฎระเบียบและการบังคับใช้เท่านั้น รวมถึงการสร้างแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมลงทุนในตลาดและสนับสนุนความเชื่อมั่นในตลาดทุนของประเทศไทย

รวมทั้งประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนหลายมิติ ทั้งต้นทุนพลังงานและสินค้าอื่นๆที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ห่วงโซ่อุปทานโลก (Supply Chain) ไปจนถึงการถดถอยของการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งหวังว่าจะมีการพูดคุยและได้รับความร่วมมือทั้งในระดับภูมิแภาคละระดับโลกเพื่อช่วยประคองการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไป

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงโอกาสต่าง ๆ เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทย โครงสร้างพื้นฐาน และความเชี่ยวชาญในภาคส่วนที่มีมูลค่าสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (Electronic Vehicles - EV) ซึ่งจะดึงดูดกลุ่มธุรกิจให้ปรับเปลี่ยนการผลิตและการดำเนินการให้หลากหลายมากขึ้น

ทั้งนี้ไทยได้สร้างความก้าวหน้าด้านยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งมียอดขายและยอดการผลิตต่อปีเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลไทยตั้งเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ 30% ของยอดการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2573 สะท้อนว่าประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งไทยได้วางแผนด้วยการลงทุนในภาคการขนส่งด้วยพลังงานไฟฟ้าและขับเคลื่อนนโยบายที่มุ่งเน้นด้านนวัตกรรมเป็นหลัก


กำลังโหลดความคิดเห็น