ช่วงนี้มีคดีขึ้นศาลบ่อย และเมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ขึ้นศาลบัลลังก์เดียวกับกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่ติดร่างแหคดีปั่นหุ้นตัวหนึ่ง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน
ผู้ที่ร่วมขบวนการปั่นหุ้นมีอดีตผู้บริหารบริษัท 4 ราย โดยถูกสั่งปรับเป็นเงินกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในตอนนั้น และไม่มีข่าวว่า อดีตผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนทั้ง 4 คน ชำระค่าปรับหรือยัง
แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยอีกหลายคนที่ติดร่างแห ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีอาญาอยู่
นักลงทุนรายย่อยที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษในทางอาญาหุ้นตัวนี้ยืนยันว่า ไม่ได้ร่วมขบวนการปั่นหุ้น แต่ได้เข้าไปซื้อขายหุ้น และเป็นการเก็งกำไรเท่านั้น โดยเก็งกำไรตามแรงเชียร์ของนักวิเคราะห์หุ้นชื่อดังคนหนึ่ง
นักวิเคราะห์หุ้นชื่อดังคนนี้จะอิงการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค แต่มีลีลาการเชียร์หุ้นที่ร้อนแรง เข้าข่ายการชี้นำด้วยซ้ำ และเป็นนักวิเคราะห์ที่มีพื้นที่ในสื่อ ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ มีการเปิดไลน์กลุ่มเก็บค่าสมาชิก โดยมีหุ้นเชียร์ให้นักลงทุนเล่นเป็นรายวัน
หุ้นที่นักลงทุนตามแห่เข้าไปเล่นจนกลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการปั่นหุ้น เล่นไปตามแรงเชียร์ของนักวิเคราะห์หุ้นรายนี้ ซึ้งแม้ขาดทุนหมดตัว แต่ยังมีคดีปั่นหุ้นพ่วงท้ายมาด้วย โดยไม่รู้ว่า สุดท้ายจะมีชะตากรรมอย่างไรจากคำตัดสินของศาล
ในตลาดหุ้นมีกลุ่มคนที่สถาปนาตัวเองเป็นกูรูหุ้น เป็นนักวิเคราะห์ เป็นผู้รู้ และมักจะสร้างจุดขาย โดยหาหุ้นทีเด็ดมาให้นักลงทุนเล่นเก็งกำไรเป็นรายวัน มีการหยิบยกเหตุผลต่างๆ มาสนับสนุนอย่างหยาดเยิ้ม บางคนเชียร์หุ้นอย่างเผ็ดร้อน เข้าข่ายการชี้นำ
แต่ ก.ล.ต.ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกู้รู้หุ้นและนักวิเคราะห์หุ้นน้อยมาก ทั้งนักวิเคราะห์ที่สังกัดอยู่ตามโบรกเกอร์ต่างๆ และนักวิเคราะห์อิสระที่มีใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือนักวิเคราะห์เถื่อนที่ไม่มีใบอนุญาตใดๆ เลย รวมทั้งกลุ่มคนที่สวมคราบความเป็นสื่อ
กูรูหุ้น หรือนักวิเคราะห์หุ้นแต่ละคนมีสาวกที่ติดตาม พร้อมควักเงินจ่ายค่าสมาชิก พร้อมติดสอยห้อยตามฟังการสัมมนาที่เรียกเก็บเงินในอัตราสูง โดยสร้างจุดขายด้วยการใบ้หุ้นเด็ด
หลายคนร่ำรวยนับร้อยล้านบาท สร้างเนื้อสร้างตัวจากการสถาปนาตัวเองเป็นกูรูหุ้นหรืออาจารย์นักวิเคราะห์ใบหุ้น ได้เงินจากการเรียกเก็บค่าสมาชิกและการจัดสัมมนา ไม่ได้รวยจากการเล่นหุ้น หรือมีหุ้นทีเด็ดเล่น
เหยื่อของนักเชียร์หุ้นไม่เคยหมด เพราะเมื่อสมาชิกรุ่นเก่าล้มหายตายจาก หมดเนื้อหมดตัวออกจากตลาดหุ้นไป จะมีเหยื่อรายใหม่ นักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาทดแทน
นักเชียร์หุ้นจึงไม่มีวันตาย แต่นักเก็งกำไรสาวกของกูรูหุ้น หรือนักวิเคราะห์หุ้นสำนักต่างๆ ตายมาแล้วไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น
ถ้านักลงทุนมีสติ ตั้งคำถามตัวเองสักนิดว่า บรรดากูรู ผู้รู้ และนักวิเคราะห์หุ้น ถ้ารู้จริง เก่งจริง มีหุ้นทีเด็ดจริง ทำไมไม่เลนหุ้นเสียเอง รวยคนเดียวโดยไม่ต้องเหนื่อย อยู่กับบ้าน เฝ้าหน้าจอ ส่งผ่านคำสั่งซื้อขายกอบโกยเงินสบายๆ
แต่นักลงทุนที่เป็นสาวกนักเชียร์หุ้นกลับไม่มีคำถาม และยอมจ่ายเงินก้อนโต โดยหวังได้หุ้นทีเด็ดสักตัว ซึ่งไม่มีจริง
มีแต่หุ้นแหกตา เชียร์กันมั่วๆ หรือรับจ้างนักลงทุนขาใหญ่มาชี้นำหุ้นก็มี
นักเชียร์หุ้นตัวแสบมีอยู่เกลื่อนตลาดหุ้น บางคนเชียร์หุ้นตัวไหน เจ๊งตัวนั้น และไม่น่าเชื่อ แม้จะพานักลงทุนไปตาย แต่กลับยังมีสาวก พร้อมควักสตางค์จ่ายหวังได้หุ้นเด็ดจนถึงทุกวันนี้
อาชีพใบหุ้น เชียร์หุ้น โดยตั้งตนเป็นปรมาจารย์หุ้นไม่มีวันตายจริงๆ แต่นักลงทุนที่เล่นหุ้นทีเด็ดตามคำบอกใบ้ล้มตายกันทุกวัน