นับจากปรากฏชื่อ "นายเศรษฐา ทวีสิน" อดีตประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่แห่งนี้ได้ตกเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
นักลงทุนคาดหวังว่า ถ้านายเศรษฐา นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี SIRI จะได้รับประโยชน์ แนวโน้มผลประกอบการจะดีขึ้น จึงเข้ามาไล่ซื้อหุ้นเก็บจนราคาพุ่งขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบปีที่ 2.10 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา
แต่การเก็งกำไรหุ้น SIRI กำลังปิดฉากลง หลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโจมตีการเลี่ยงภาษีของ SIRI ซึ่งแม้บริษัทฯ จะออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาแต่ไม่อาจหยุดผลกระทบของราคาหุ้นได้
หุ้น SIRI ถูกเทขายอย่างหนัก เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา จนราคาทรุดลงแรง โดยปิดที่ 185 บาท ลดลง 13 สตางค์ หรือลดลง 6.57% มูลค่าซื้อขาย 1,300.82 ล้านบาท และเป็นมูลค่าซื้อขายสูงสุดในรอบนี้
ก่อนที่นายเศรษฐา จะลาออกจากทุกตำแหน่ง ราคาหุ้น SIRI เคลื่อนไหวอยู่ระดับ 1.70 บาทเศษนานนับเดือน แต่เมื่อมีข่าวนายเศรษฐา ติดโผเป็นคู่ชิงนายกรัฐมนตรี การซื้อขายหุ้นมีความคึกคักขึ้น และเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์เพียงตัวเดียวที่มักติดใน 10 อันดับแรกหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
การโจมตีการหลีกเลี่ยงภาษีการซื้อที่ดินบนถนนสารสิน จำนวนหลายร้อยล้านบาท ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการเข้าชิงตำแหน่งนายกฯ ของนายเศรษฐา เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อหุ้น SIRI โดยตรง เพราะทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก และพากันเทขายหุ้นทิ้ง
ราคาหุ้น SIRI กำลังถอยหลังไปสู่จุดเริ่มต้น ก่อนที่นายเศรษฐา จะประกาศลงสนามการเมือง หรือปรับฐานสู่ระดับ 1.70 บาทเศษ
ถ้าตัดประเด็นการเป็นหุ้นการเมือง และการเก็งกำไรจากการที่นายเศรษฐา จะเป็นนายกรัฐมนตรี SIRI จัดเป็นหุ้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ และมีปัจจัยพื้นฐานรองรับที่ดี
ค่าพี/อี เรโช SIRI อยู่ที่ 5.85 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ด้วยกัน และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน 7.07% ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราเงินปันผลตอบแทนของ บริษัท แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH
ผลประกอบการ SIRI เติบโตต่อเนื่องหลายปีติดต่อ โดยปี 2563 มีกำไรสุทธิ 1,673.09 ล้านบาท ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 2,017.28 ล้านบาท ปี 2565 กำไรสุทธิ 4,279.88 ล้านบาท และไตรมาสแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 1,581.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 302.55 ล้านบาท
หุ้น SIRI สามารถถือเพื่อการลงทุนระยะยาวได้อยู่แล้ว เพราะกำไรเติบโต และจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากมาหลายปีต่อเนื่อง โดยราคาหุ้นไม่เคลื่อนไหวร้อนแรงมากนัก
เพียงแต่ประเด็นนายเศรษฐา ลงสู่สนามการเมืองกระตุ้นบรรยากาศการเก็งกำไร จน SIRI กลายเป็นหุ้นร้อน นักลงทุนแห่เข้ามาเล่นกันอย่างคึกคัก
สำหรับนักเก็งกำไรคงต้องรอลุ้นว่า นายเศรษฐา จะไปถึงดวงดาว ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะถ้าเป็นนายกฯ หุ้น SIRI คงเปิดฉากวิ่งรอบใหม่
แต่ถ้าชวดตำแหน่ง และข้อกล่าวหาของนายชูวิทย์ ถูกขยายผล รอบการเก็งกำไรของ SIRI คงปิดฉากลง
สำหรับนักลงทุนระยะยาว หรือผู้ถือหุ้นรายย่อยของ SIRI จำนวนกว่า 5 หมื่นราย คงไม่ได้ตื่นตระหนกกับสถานการณ์ราคาหุ้นมากนัก
เพราะ SIRI เป็นอีกหนึ่งในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ถือเพื่อการลงทุนได้อยู่แล้ว แม้นายเศรษฐา จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก็ตาม ถ้ายังรักษาผลประกอบการเติบโตได้ต่อเนื่องเหมือนหลายปีก่อนหน้า
ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาอาจเป็นจังหวะของนักลงทุนระยะยาวในการช้อนเก็บ SIRI
