ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เผยสิ้นมิ.ย.66 กลุ่มบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพียง 1 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินหมุนเวียนมากกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน 1,943.07 ล้านบาท และมีภาระผูกพันในการชำระค่าซื้อที่ดินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี 1,523.22 ล้านบาท เตรียมยื่นขอฟื้นฟูกิจการ
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL แจ้งว่าจากกรณีของ ALL ที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานและรับรองงบการเงินไตรมาส 2/66 โดยไม่แสดงความเห็นต่อข้อมูลทางการเงินระหว่างการสอบทาน จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสั่งพักการซื้อขายหุ้น ALL โดยขึ้นเครื่องหมาย SP
โดยล่าสุด ALL แจงว่าการไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทไม่ได้มีสาเหตุจากการที่ผู้สอบบัญชีถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร แต่เกิดจากผลกระทบจากความไม่แน่นอนซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการดำเนินงาน โดยมีสาระสำคัญจาก 3 สถานการณ์ ดังนี้
1.การขาดสภาพคล่องทางการเงิน กล่าวคือจากงบการเงินรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 กลุ่มบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 1 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินหมุนเวียนมากกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน 1,943.07 ล้านบาท และมีภาระผูกพันในการชำระค่าซื้อที่ดินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี 1,523.22 ล้านบาท จากการที่กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทติดลบ 781.27 ล้านบาท ส่งผลให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จนเป็นเหตุให้กลุ่มบริษัทไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในปัจจุบันต่อได้ และทำให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ทั้งจากเจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากบุคคลภายนอก เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ รวมถึงผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้และผิดนัดชำระคืนเงินรับล่วงหน้าจากลูกค้า
บริษัทอยู่ระหว่างการจัดหาเงินจากแหล่งเงินทุนเพื่อจ่ายชำระหนี้สินหมุนเวียนและภาระผูกพันที่ถึงกำหนดชำระดังกล่าวสถานการณ์ปัจจุบันกลุ่มบริษัทยังไม่สามารถเพิ่มทุนได้ตามแผนธุรกิจเดิม และแผนการขายสินทรัพย์เพื่อนำมาชำระหนี้มีความล่าช้า จึงทำให้มีความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการจัดหาเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในการชำระคืนหนี้สินของกลุ่มบริษัท และเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2566 ได้มีมติอนุมัติการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ และการจัดจ้างสำนักงานทนายความเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ
2.การผิดนัดชำระหนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนจำนวน 5,321.55 ล้านบาท สูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวน 2,323.04 ล้านบาท หุ้นกู้ 4 รุ่น ได้แก่ ALL235A, ALL23OA, ALL242A และ ALL252A ผิดนัดชำระดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ขณะที่ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิเรียกให้หุ้นกู้ทั้งหมดถึงกำหนดชำระหนี้โดยพลัน วันที่ครบกำหนดชำระโดยพลันคือวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเหตุผิดนัดดังกล่าวยังคงดำรงอยู่ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ดังนั้นเมื่อนำมูลหนี้หุ้นกู้ที่ผิดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระโดยพลัน ซึ่งมีจำนวนมากว่า 400 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้เกิดการผิดนัดชําระหนี้หุ้นกู้รุ่นอื่นๆ ที่เหลือ (Cross Default) ซึ่งเป็นไปตามข้อกําหนดสิทธิ และหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ ปัจจุบันผู้ถือหุ้นกู้ได้มอบหมายให้ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ดําเนินการเรียกร้องให้ผู้ออกหุ้นกู้ชําระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ หรือดําเนินการฟ้องร้องและบังคับจํานองทรัพย์สินหลักประกันของผู้ออกหุ้นกู้
นอกจากนี้ บริษัทมีเงินกู้ยืมระยะสั้นจากบุคคลภายนอก เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี และเงินกู้ยืมระยะยาวจากบุคคลภายนอกที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี รวมจำนวน 1,544.69 ล้านบาท ซึ่งบริษัทไม่สามารถจ่ายชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าวได้ตามระยะเวลาที่กำหนด และเจ้าหนี้เงินกู้หลายรายฟ้องร้องบริษัทต่อศาลแพ่งและศาลอาญาให้บริษัทจ่ายชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ปัจจุบันคดีความอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระหนี้สินอื่นๆ ที่ผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญาเป็นจำนวนมาก
3.การถูกฟ้องร้อง เพราะบริษัทถูกฟ้องร้องจากสถาบันการเงิน บริษัทอื่น และบุคคลธรรมดาหลายรายในคดีต่างๆ จากการผิดสัญญา การเรียกร้องค่าเสียหายและอื่นๆ โดยมีทุนทรัพย์สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการ รวมจำนวน 317.01 ล้านบาท ปัจจุบันคดีความอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งสถานการณ์ตามที่ได้กล่าวถึงข้างต้นมีผลกระทบและมีความเกี่ยวข้องกัน โดยแสดงถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสําคัญต่อความสามารถในการดําเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินที่่มีสาระสําคัญในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ