ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI กำลังเร่งสอบสวนดำเนินคดีผู้บริหารบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ไล่จี้ให้ผู้บริหารบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ชี้แจงธุรกรรมหลายรายการที่มีปมน่าสงสัย
ผู้บริหาร STARK ก่อคดีประวัติศาสตร์ในมหากาพย์แห่งการโกงในตลาดหุ้น โดยวางแผนแต่งบัญชีต่อเนื่องหลายปี ตบตาประชาชนผู้ลงทุน โยกย้ายผ่องถ่ายเงินจำนวนกว่า 1.4 พันล้านบาท ก่อนเผ่นหนีออกนอกประเทศ และเป็นการโกงกันดื้อๆ หน้าด้านๆ
NUSA มีปัญหาจากงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เพราะผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต จน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ต้องเข้ามาตรวจสอบ 3 ธุรกรรมที่มีความซับซ้อนน่าสงสัย รวมทั้งการทำรายการแลกหุ้นจำนวนหมาศาล ระหว่าง NUSA กับบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH
การที่ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบธุรกรรมหลายรายการของ NUSA เป็นการป้องปราม และป้องกันไม่ให้ NUSA ก่อโศกนาฏกรรมซ้ำรอย STARK
นอกจากนั้น ยังเป็นการส่งสัญญาณเตือนนักลงทุนให้ศึกษาข้อมูล มีความรอบคอบ และระมัดระวังการลงทุนหุ้น NUSA อีกด้วย
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา NUSA ออกคำชี้แจงยาวเหยียด ตอบข้อซักถามของตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการซื้อหุ้นโรงแรมในประเทศเยอรมนี โดยการจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าจำนวน 624 ล้านบาท หรือ 80% ของมูลค่าการซื้อทั้งหมด
การซื้อหุ้นบริษัทลูกของบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าจำนวน 50 ล้านบาท และเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก 7 ล้านบาท
และการที่ NUSA ต้องชำระหนี้จำนวน 1.7 ล้านบาทแทนบริษัทลูก ซึ่งอาจกระทบต่อการดำเนินงานและปัญหาการผิดนัดชำระหนี้อื่นๆตามมา
ผู้บริหาร NUSA แจกแจง 3 ปมใหญ่ที่ผู้สอบบัญชีแสดงความเป็นอย่างมีเงื่อนไขและข้อสังเกต เพียงแต่เหตุผลที่ชี้แจงจะเพียงพอสำหรับ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกำลังเกาะติดพฤติกรรม NUSA หรือไม่เท่านั้น
และที่สำคัญผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนเกือบ 1 หมื่นรายของ NUSA จะมีความรู้สึกอย่างไร เมื่อ NUSA ถูกตรวจสอบหนัก แถมยังมีปมที่งอกขึ้นมาอีก กรณีการซื้อเครื่องบินของบริษัทลูก และทำธุรกรรมซื้อขายกันบนเกาะบริติช เวอร์จิ้น หรือเกาะที่เป็นแหล่งฟอกเงิน
การซื้อเครื่องบินเพื่อใช้ดูงานและบริการลูกค้าไม่เคยเป็นที่รับรู้จากสาธารณชนทั่วไป โดย NUSA น่าจะเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งเดียวที่มีเครื่องบินใช้ส่วนตัว
ผู้บริหาร NUSA ได้รับการอำนวยความสะดวกปานเทวดา และไม่มีผู้บริหารบริษัทใดจะได้รับอภิสิทธิ์เท่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ริหารบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เพียงใด สร้างรายได้ปีละหลายแสนล้านบาทก็ตาม
NUSA ขาดทุนติดต่อกัน 5 ปี แต่กลับซื้อเครื่องบินเสริมบารมีผู้บริหาร และเครื่องบินขนาด 8 ที่นั่งที่ซื้อมาในราคาประมาณ 4.8 ล้านดอลลาร์ สุดท้ายขายไปในราคา 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดทุนกว่า 100 ล้านบาท แถม NUSA มีเครื่องบินหลายลำเสียด้วย
ธุรกรรมใหญ่ซึ่งอยู่ในข่ายการเล่นแร่แปรธาตุ และจะทำให้กลุ่มนายประเดช กิตติอิสรานนท์ นักลงทุนขาใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ใน NUSA และ WEH ได้รับประโยชน์มหาศาลคือ
การนำหุ้น NUSA จำนวน 13,053.64 ล้านหุ้น แลกกับหุ้น WEH จำนวน 29 ล้านหุ้น หรือ 26.65% ของทุนจดทะเบียน
ถ้าธุรกรรมใหญ่ครั้งนี้ผ่าน WEH จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน NUSA สัดส่วน 49.98% ของทุนจดทะเบียน ขณะที่ NUSA จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน WEH สัดส่วนประมาณ 34% ของทุนจดทะเบียน โดยกลุ่มนายประเดชเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คุมอำนาจการบริการเบ็ดเสร็จทั้ง 2 บริษัท
แต่การแลกหุ้นระหว่าง NUSA กับ WEH ก.ล.ต.เห็นว่าเข้าข่ายการแบล็กดอร์ลิสติ้งหรือการเข้าตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อม ซึ่งผู้บริหาร NUSA ออกมาเถียงเสียงแข็งว่าไม่ใช่ แต่ยอมทบทวนธุรกรรม
ก่อนหน้า NUSA เคยชี้แจงว่า จะออกหุ้นเพิ่มทุนมูลค่าประมาณ 1.3 หมื่นล้านหุ้น จัดสรรให้บุคคลในวงจำกัด และจะทำให้บริษัทมีเงินใช้หนี้บริษัทลูกจำนวน 1.7 พันล้านบาท และมีเงินทุนดำเนินงานได้ต่อเนื่อง
การเล่นแร่แปรธาตุ การแลกหุ้นระหว่าง NUSA กับ WEH ไม่ใช่การซื้อขายหุ้น ดังนั้น NUSA จึงไม่มีเงินเงินสดเข้ามาแม้แต่บาทเดียว
แต่กลุ่มนายประเดช ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ธนา พาวเวอร์ วัน จำกัด ซึ่งถือหุ้น WEH อยู่ 26.65% และจะนำมาแลกกับหุ้น NUSA จำนวน 13,053.64 ล้านหุ้นนั้น จะได้หุ้น NUSA ไปแบ่งกัน โดยสามารถแปลงเป็นเงินสดเข้ากระเป๋าได้ตลอดเวลา
ถ้าขายหุ้น NUSA ในราคาเพียงหุ้นละ 20 สตางค์ กลุ่มนายประเดช จะรับทรัพย์จำนวนประมาณ 2.6 พันล้านบาท แบ่งปันกัน โดยสามารถเสียงโหวตใน WEH เกิน 51% ซึ่งเป็นขุมทรัพย์ใหญ่ของนายประเดช เหมือนเดิม
เพียงแต่สัดส่วนการถือหุ้นใน WEH จำนวน 26.65% ย้ายมาอยู่ที่ NUSA เท่านั้น
วันนี้นายประเดช อยู่ในฐานะตกถังข้าวสาร ในหุ้น WEH และ NUSA จนดูเหมือนว่า เงินระดับพันล้านบาท เป็นสิ่งที่หาได้โดยง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมที่ต้องสงสัยใน NUSA อยู่บนจอเรดาร์ของ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ในการตรวจสอบชนิดจับตายแล้ว
ราคาหุ้น NUSA กำลังออกอาการไม่ดี จนอาจสร้างจุดต่ำสุดใหม่ หลังเคยสร้างจุดต่ำสุดที่ 49 สตางค์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นักลงทุนทั่วไปคงไม่มีใครซื้อหุ้น NUSA ซึ่งกำลังมีข่าวอื้อฉาว ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย NUSA จำนวน 8,755 ราย อาจถึงเวลาต้องตัดสินใจแล้วว่า จะไปต่อกับ NUSA หรือพอแค่นี้
ถ้าพอแค่นี้ ยอดตัดขาดทุนเพียงเท่านี้ ต้องชิงเทขาย โยนหุ้นใส่กลุ่มนายประเดชไปให้หมด ก่อนที่หุ้น NUSA จะไม่เหลือราคาดีๆ ขาย
ผู้ถือหุ้นรายย่อย NUSA เหมือนตกอยู่ในขุมนรก แต่ขาใหญ่ใน NUSA กำลังสนุกกับการเล่นแร่แปรธาตุ ซื้อๆ ขายๆ หุ้น WEH