ลาร์รี ฟลิงก์ CEO แบล็กร็อก ผู้จัดการกองทุนใหญ่ที่สุดของโลก คาดคริปโตจะมีมูลค่าเหนือกว่าเงินตราทุกสกุล ไม่เว้นแม้แต่ดอลลาร์
ฟลิงก์ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีเมื่อวันศุกร์ (14 ก.ค.) โดยอธิบายเกี่ยวกับการยื่นขอจัดตั้งกองทุน spot bitcoin ETF ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ของแบล็กร็อกว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมามีนักลงทุนจำนวนมากขึ้นสอบถามแบล็กร็อกเกี่ยวกับบทบาทของคริปโต ซึ่งสำหรับตัวเขาเชื่อว่า คริปโตหลายสกุลเป็นสินทรัพย์สากล
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือน ฟลิงก์ทำให้โลกตะลึงด้วยการประกาศว่า คริปโตอาจปฏิวัติการเงิน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายืนกรานมาตลอดว่า บิตคอยน์เป็นได้แค่ “ดัชนีการฟอกเงิน”
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (CEO) และประธานกรรมการแบล็กร็อกผู้นี้ย้ำว่า คริปโตมีมูลค่าที่แตกต่างจากสินทรัพย์อื่นๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความที่เป็นสกุลเงินสากลจึงมีแนวโน้มที่คริปโตกำลังจะมีมูลค่าแซงหน้าสกุลเงินอื่นๆ ทั้งหมด
ฟลิงก์สำทับว่า เมื่อพิจารณาว่า ดอลลาร์อ่อนค่ามากน้อยแค่ไหนในช่วงสองเดือนล่าสุด และแข็งค่ามากน้อยแค่ไหนในช่วง 5 ปีล่าสุด จะเห็นว่า ผลิตภัณฑ์คริปโตที่มีความเป็นสากลสามารถทำได้ดีกว่า และนั่นคือเหตุผลที่แบล็กร็อกเชื่อว่า มีโอกาสอย่างมากที่คริปโตจะได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก
อนึ่ง ปีนี้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า ช่วยชุบชีวิตอีเธอเรียมและ XRP รวมถึงตลาดคริปโตโดยรวมที่ซวนเซหลังบริษัทคริปโตดังหลายเจ้าล้มเมื่อปีที่แล้ว
แบล็กร็อกยังเชื่อว่า บริษัทมีความรับผิดชอบในการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงการลงทุนผ่าน ETF และชี้ว่า แบล็กร็อกเคยใช้ ETF เปลี่ยนแปลงการลงทุนมาแล้ว
ฟิเดลลิตี้และยักษ์ใหญ่หลายแห่งในวอลล์สตรีทยื่นขอจัดตั้งกองทุน ETF ตามรอยแบล็กร็อกอย่างรวดเร็ว โดยเดิมพันว่า ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้จะค้นพบวิธีจัดการกับอุปสรรคด้านกฎระเบียบที่ปิดกั้นกองทุน spot bitcoin ETF ในอเมริกา
ฟลิงก์ย้ำว่า แบล็กร็อกกำลังร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศ เช่นเดียวกับในตลาดใหม่แห่งอื่นๆ เนื่องจากถ้าชื่อของบริษัทต้องปรากฏบนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แบล็กร็อกจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า สิ่งนั้นปลอดภัย มั่นคง และได้รับการปกป้อง
ต้นสัปดาห์ที่แล้ว SEC เสียรังวัดครั้งใหญ่ในความพยายามควบคุมตลาดคริปโต หลังจากศาลของรัฐบาลกลางตัดสินว่า การที่ริปเปิล แล็บส์ขายโทเคน XRP บนแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตและขายผ่านอัลกอริธึมไม่ถือเป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ศาลวินิจฉัยว่า การขาย XRP ให้นักลงทุนประเภทสถาบันเข้าข่ายละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์
คำตัดสินดังกล่าวเป็นข่าวดีสำหรับตลาดคริปโตโดยรวม ดันราคาบิตคอยน์ อีเธอเรียม และ XRP พุ่งขึ้นตามๆ กัน เฉพาะ XRP ราคาทะยานถึงราว 60% ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังข่าวนี้ออกมา เนื่องจากเหล่าเทรดเดอร์เดิมพันว่า ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบที่กดดันตลาดคริปโตมาหลายเดือนอาจจบลงเสียที