Ripple Labs ได้รับชัยชนะในศาลแขวงสหรัฐในเขตทางตอนใต้ของนิวยอร์กเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 เนื่องจากผู้พิพากษา Analisa Torres มีคำตัดสินให้ Ripple Labs ชนะคดีที่ยื่นฟ้องโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. สหรัฐ) และมีผลย้อนหลังไปถึงปี 2020
“ตามเอกสารที่ยื่นเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 ผู้พิพากษา Analisa Torres ได้มีคำตัดสินให้การที่บริษัท Ripple Labs ขายโทเคน XRP ในตลาดรองไม่ถือเป็นการซื้อขายหลักทรัพย์”
หลังจากข่าวดังกล่าวถูกปล่อยออกมาจาก Twitter ของ Watcher.Guru เมื่อคืนวันที่ 13 ก.ค. 2566 เวลา 22:45 น. ราคาของ XRP ก็ได้พุ่งทันทีกว่า 98% ภายในระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมง สาเหตุจากปัจจัยที่คอยกดดันราคาของ XRP มาโดยตลอดได้คลี่คลายลง ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเหรียญ Altcoin ตัวอื่นเช่นกัน
ซึ่งจะเห็นว่าเหรียญที่ราคาปรับขึ้นจะเป็นเหรียญ Altcoins ที่ทาง ก.ล.ต สหรัฐได้เคยกล่าวอ้างว่าเป็นหลักทรัพย์ เช่น XRP, SOL, ADA และ MATIC ที่ก่อนหน้านี้ราคาเคยร่วงลงอย่างหนัก และสามารถพุ่งกลับขึ้นไปจากข่าวล่าสุด ในขณะที่ราคาของ Bitcoin กลับขึ้นเพียงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะมีอีกข่าวเมื่อคืนเกี่ยวกับการอนุมัติ Bitcoin ETF Spot ในยุโรป
แต่จากเนื้อหาเอกสารจากศาลจะพบว่าทาง Ripple นั้นชนะคดีความแต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังมีประเด็นการขาย XRP ให้กับสถาบันจะยังถือว่า XRP เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ แต่ในส่วนที่ชนะคือการเปิดขายให้แก่รายย่อยบน Exchange ต่าง ๆ ที่ไม่ถือว่าเข้าข่ายหลักทรัพย์ หลังจากคำตัดสินของศาลเสร็จสิ้นว่าการขาย XRP ในตลาดรองไม่ถือเป็นการระดมทุน ทำให้ Coinbase, Binance US และ Gemini กลับมาเปิดให้ซื้อขาย XRP ใน Exchange อีกครั้ง และส่งผลให้ Venture capital (VC) ในสหรัฐอาจไม่ได้รับความนิยมมากดังเช่นแต่ก่อน ซึ่งทางออกอาจจะมาในรูปของการย้ายออกของ VC ในสหรัฐ หรือการระดมทุนทางอื่นก็เป็นได้
หากเราลงรายละเอียดในส่วนของผลคำตัดสินของศาล สามารถแยกออกได้เป็น..
1. การเปิดให้ขายในตลาดรองให้รายย่อย (Exchange)
2. อดีต CEO ขายเหรียญบนตลาดรอง
3. การบริจาคด้วยเหรียญ XRP
สาเหตุดังกล่าวไม่ถือเป็นการระดมทุน จึงไม่เข้าข่ายการถือเป็นหลักทรัพย์ และถึงอย่างไรก็ยังนับเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดคริปโทฯ เพราะบรรทัดฐานจากคำตัดสินนี้จะช่วยคลี่คลายประเด็นต่าง ๆ ไปทันทีจากการฟ้อง Coinbase และ Binance ก่อนหน้า และโปรเจกต์ต่าง ๆ ที่ต้องการทำเหรียญก็รู้แนวทางแล้วว่าห้ามเข้าไปยุ่งกับสถาบัน
นอกจากข่าวดีจากคำตัดสินในคดี Ripple ยังมีอีกข่าวหนึ่งที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันคือ Jamie Khurshid CEO บริษัท Jacobi Asset Management ประกาศการ List “Spot Bitcoin ETF” แห่งแรกในยุโรป บนตลาด Euronext Amsterdam ภายในเดือนนี้ โดยการยื่นขอเปิด ETF นี้ได้มีการยื่นไว้ตั้งแต่ปีก่อนแต่มีความล่าช้าเพราะเหตุการณ์ล่มสลายของ Terra และการประกาศล้มละลายของ FTX อดีต Exchange ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
และเหตุการณ์นี้ผสมกับข่าวดีจาก Ripple ส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้น 2.37% ทะลุแนวต้านที่ 31,000 ดอลลาร์ ทันทีที่รับข่าว หลังจากนั้นมีความผันผวนอีกระดับหนึ่งก่อนทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 อาทิตย์ที่ 31,800 ดอลลาร์ แต่ราคาก็ไม่ได้ขึ้นรุนแรงหลังจากนั้น มองว่านักลงทุนยังคงรอคอยความชัดเจนจาก ก.ล.ต. สหรัฐ ที่เป็นผู้ชี้ขาดว่า Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐจะสามารถเปิดขายได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อผนวกข่าวดีทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน ประกอบกับตัวเลข CPI ของสหรัฐที่ใช้เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อยังต่ำกว่าคาด จึงมีโอกาสว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในครั้งหน้าอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นอาจคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีก็เป็นได้ เพราะนโยบายทั้งหมดสามารถลดเงินเฟ้อได้ตามที่คาดหวัง โดยรวมแล้วยังมองว่ามีโอกาสที่ราคาจะยังไปต่อได้หลังจากนี้ แม้ว่าราคาจะขึ้นมาถึงระดับหนึ่งแล้วก็ตาม