ราคาน้ำมันปรับขึ้นมากกว่า 1% ในวันอังคาร (18 ก.ค.) หลังจีนระบุจะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในชาติผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่แห่งนี้ และดอลลาร์อ่อนค่าลง ปัจจัยหลังดันทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวกแรง ได้แรงหนุนจากผลประกอบการบรรดาสถาบันการเงิน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ซบเซาเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ แต่บรรดาผู้วางนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน ให้สัญญาว่าจะดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อฟื้นฟูและยกระดับการบริโภค โดยไม่ปล่อยให้ล่าช้าใดๆ
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดระดับอาวุโสจากบริษัท OANDA ให้ความเห็นว่า "เทรดเดอร์พลังงานคาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันจะยังคงตึงตัว เนื่องจากรัสเซียส่งออกลดลง ในขณะที่จีนเตรียมมอบแรงสนับสนุนเพิ่มเติมแก่ภาคครัวเรือน"
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า และปัจจัยดังกล่าวผลักให้ราคาทองคำในวันอังคาร (18 ก.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 24.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,980.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (18 ก.ค.) ปิดบวกแรง จากรายงานผลประกอบการอันแข็งแกร่งของภาคธนาคาร ซึ่งทำให้ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นรายวันต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบกว่า 2 ปี
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 366.58 จุด (1.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,951.93 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 32.19 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,554.98 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 108.69 จุด (0.76 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,353.64 จุด
มอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 6.45% ปิดบวกในหนึ่งวันคิดเป็น % มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 หลังรายงานผลประกอบการเกินคาดหมาย ในขณะที่การเติบโตในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ของธนาคารช่วยกลบรายได้จากการเทรดที่ลดลง และแบงก์ออฟอเมริกา ดีดตัวขึ้น 4.42% หลังมีกำไรเกินคาดหมาย ตามหลังรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการชำระหนี้กู้ยืมของลูกค้า
หุ้นของธนาคารอื่นๆ ก็ปิดบวกเช่นกันในวันอังคาร (18 ก.ค.) ในนั้นรวมถึงแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน ที่ดีดตัว 4.11% และพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล ที่ปรับขึ้น 2.51% หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาส
(ที่มา : รอยเตอร์)