ราคาน้ำมันและทองคำลดลงในวันจันทร์ (17 ก.ค.) หลังจีนรายงานเศรษฐกิจไตรมาส 2 เติบโตน้อยกว่าคาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก จับตารายงานผลประกอบการรายไตรมาสของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลเศรษฐกิจของจีนเป็นตัวถ่วงหลักของตลาดน้ำมัน หลังชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกและผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ รายงานในวันจันทร์ (17 ก.ค.) ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 2 พลาดเป้าจากเดิมที่คาดการณ์จะเติบโต 7.3% และเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสขยายตัวเพียงแค่ 0.8% น้อยกว่าไตรมาสแรก ที่ขยายตัว 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส
ราคาทองคำในวันจันทร์ (17 ก.ค.) ปิดในแดนลบ ข้อมูลเศรษฐกิจจีนเป็นตัวถ่วงสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงโลหะมิค่าชนิดนี้ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 8.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,956.40S ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (17 ก.ค.) ปิดในแดนบวก ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและเทคโนโลยี ในขณะที่นักลงทุนเฝ้ารอรายงานผลประกอบการรายไตรมาสรอบใหม่ในสัปดาห์นี้
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 76.32 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,585.35 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 17.37 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,522.79 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 131.25 จุด (0.93 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,244.95 จุด
บรรดาบริษัทต่างๆ ที่มีกำหนดรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ในนั้นรวมถึงเทสลาและเน็ตฟลิกซ์ ขณะที่บรรดาสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ อย่างแบงก์ออฟอเมริกา มอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมนแซค เตรียมรายงานผลประกอบการเช่นกัน หลังจากเจพี มอร์แกน และซิตีกรุ๊ป เผยแพร่รายงานไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน
นักลงทุนหันความสนใจไปที่แนวโน้มของบริษัทต่างๆ ท่ามกลางความคาดหมายว่ารายได้รายไตรมาสน่าจะลดลงราว 8.1% นับเป็นการปรับตัวเลขคาดการณ์ขึ้นอย่างมาก หลังจากเมื่อช่วงต้นเดือน นักลงทุนคาดหมายว่าบรรดาบริษัทต่างๆ จะมีรายได้รายไตรมาสลดลงราว 5.7%
(ที่มา : รอยเตอร์)
