xs
xsm
sm
md
lg

“พิธา” วืดนายกฯ...ทำไมหุ้นพุ่งแรง 23 จุด / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บรรยากาศการซื้อขายหุ้นวันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เงียบเหงาซบเซาที่สุดในรอบหลายปี มูลค่าซื้อขายหดตัวเหลือเพียง 2.9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนทุกกลุ่มชะลอการซื้อขาย และเฝ้าติดตามการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ด้วยความระทึก

ความกังวลในสถานการณ์การเมืองปกคลุมทั่วตลาดหุ้น นักลงทุนกลัวว่า ถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สอบไม่ผ่าน พ่ายโหวตในการประชุมรัฐสภา มวลชนพรรคก้าวไกลจะลุกฮือลงถนน และเกิดความวุ่นวายตามมา

หุ้นมีแนวโน้มที่จะถอยรูด หากนายกฯ คนต่อไปไม่ได้ชื่อนายพิธา

หลังลงคะแนนโหวตครั้งแรก นายพิธา ได้เสียงสนับสนุนไม่ถึง 376 เสียง หรือไม่เกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.และสมาชิกวุฒิสภา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินว่า จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยตรง โดยบรรยากาศการซื้อขายซบเซาต่อเนื่อง

ดัชนีหุ้นอาจปักหัวลง จนกว่าการโหวตนายพิธา ครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 จะจบช่วงปลายสัปดาห์นี้

วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม วันส่งท้ายสัปดาห์ก่อน ตลาดหุ้นถูกคาดหมายว่าจะเงียบเหงา ดัชนีหุ้นแกว่งตัวลง

แต่ข่าวร้ายนายพิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ กลับกลายเป็นข่าวดีชิ้นใหญ่ กระตุ้นให้นักลงทุน 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย นักลงทุนสถาบันในประเทศหรือกองทุนรอบ พอร์ตโบรกเกอร์ และนักลงทุนต่างชาติที่ก่อนหน้าเทขายหุ้นต่อเนื่อง เข้ามาไล่ซื้อหุ้นอย่างคึกคัก

ดัชนีหุ้นพุ่งทะยานผ่านแนวต้านสำคัญขึ้นไปปิดที่ 1517.92 จุด เพิ่มขึ้น 23.90 จุด ซึ่งเป็นการดีดตัวแรงที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ขณะที่มูลค่าซื้อขายหุ้นขยับขึ้นมาที่ 43,645 ล้านบาท

วันศุกร์ที่ควรจะเป็นศุกร์แสนเศร้า แต่กลายเป็นศุกร์สุดหรรษาของชาวหุ้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่ขายหุ้นออกเกือบ 3 พันล้านบาท

ตลาดหุ้นไม่รอผลโหวตนายพิธา ในรอบที่ 2 หรือ 3 แล้ว เพราะประเมินแล้วว่า นายพิธาไม่สามารถหาเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาเกิน 376 เสียงได้แน่

แต่ทำไมหุ้นไม่ตกรูด ทำไมหุ้นจึงพุ่งทะยานอย่างร้อนแรง ไม่กลัวม็อบเสื้อสีส้มที่จะออกมาเคลื่อนไหวหรือ

ตลาดหุ้นไม่ได้เลือกข้างทางการเมือง นักลงทุนส่วนใหญ่สนับสนุนหรือต่อต้านการขึ้นสู่ตำแหน่งนายรัฐมนตรีของนายพิธาหรือไม่ ไม่มีการสำรวจข้อมูล แต่ดัชนีหุ้นที่พุ่งขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ เป็นการสะท้อนว่า ตลาดหุ้นตีความในเชิงบวก เมื่อนายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ และพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล

ดังนั้น นโยบายพรรคก้าวไกลในส่วนที่จะสร้างผลกระทบกับตลาดหุ้นจึงย่อยสลายไป ไม่ว่านโยบายการเก็บภาษีกำไรจากการขายหุ้น หรือ CAPITAL GAIN TAX นโยบายขึ้นภาษีนิติบุคคลทุนขนาดใหญ่จาก 20% ของกำไรเป็น 23%

และนโยบายปฏิรูปพลังงาน ลดค่าไฟฟ้าทันที เปิดให้ประชาชนติดตั้งแผงพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน และสามารถเลือกซื้อไฟฟ้าได้เอง แก้นโยบายเอื้อกลุ่มทุน และไม่เพิ่มโรงไฟฟ้าฟอสซิล

หุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ และอยู่ในเป้าหมายถูกปฏิรูปของพรรคก้าวไกล ก่อนหน้าปรับตัวลงมายกแผง แต่หลังโอกาสที่พรรคก้าวไกลเข้ามาเป็นรัฐบาลปิดฉากลง

หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า นำโดยหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT หุ้นกลุ่มพลังงาน นำโดยบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ของนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ดีดตัวขึ้นกันยกแผงในวันศุกร์

ตลาดหุ้นตัดสินไปแล้วว่า การที่นายพิธา ชวดตำแหน่งนายกฯ เป็นผลบวกต่อการลงทุน โดยดัชนีพุ่งขึ้น 23 จุดเป็นการตอบรับ ขณะที่แนวโน้มที่เปลี่ยนไป โดยระยะสั้น หุ้นอาจได้ไปต่อ หรือสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

แต่หุ้นคงวิ่งไปไม่ได้อีกไกลนัก เพราะยังมีปัจจัยลบกดดันอยู่ โดยเฉพาะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และเศรษฐกิจไทยฟุบอยู่

นักลงทุนรายย่อยจึงไม่ควรมองโลกสวย แต่ต้องระมัดระวังความเสี่ยง เพราะหุ้นอาจกลับสู่ความผันผวนของตลาดหุ้น จึงต้องชิงระบายขายหุ้นออก ถ้าราคาหุ้นพุ่งแรง เช่นเดียวกับการพร้อมใจเทขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นยังมีแรงกดดันจากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความเสี่ยงจากสถานการณ์รุนแรงทางการเมือง

รอบขาขึ้นเต็มตัวของตลาดหุ้นยังมาไม่ถึง นักลงทุนรายย่อยต้องหาจังหวะขาย และขายในช่วงนี้หรือช่วงที่หุ้นตอบรับเชิงบวกจากการที่นายพิธา พลาดเก้าอี้นายกฯ นี่แหละ








กำลังโหลดความคิดเห็น