เอเอ็มอาร์ เอเซีย รุกขยายการลงทุน 3 ธุรกิจใหม่ ทั้ง Renewable Energy - Green Transportation - Utility Business ฟากซีอีโอ "ณัฏฐชัย ศิริโก" ระบุแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง ทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มี พร้อมมั่นใจกวาดงานเพิ่ม และเดินหน้ากลยุทธ์ลงทุนธุรกิจใหม่สร้าง New S-Curve เพิ่มสัดส่วนรายได้ recurring income หนุนผลงานปีนี้เติบโตเข้าเป้า 10-20%
นายณัฏฐชัย ศิริโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMR เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ายังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการก้าวสู่ New Business ของการลงทุนธุรกิจในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีความหลากหลาย (Business Diversification) โดยมุ่งเน้น 3 ธุรกิจหลักประกอบด้วย AI IoT Autonomous & Robotics, Renewable Energy และ Utility & Infrastructure ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีแหล่งรายได้แบบ recurring income เพิ่มขึ้นสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง และสม่ำเสมอ
สำหรับธุรกิจ Renewable Energy ประกอบด้วยธุรกิจการลงทุนในพลังงานทดแทนทั้งแบบพลังงานแสงอาทิตย์ หลังคาโซลาร์เซลล์ พลังงานแสงอาทิตย์ชนิดลอยน้ำ รวมถึงโซลาร์เซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม หรือ Solar Contract Industrial Park โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีข้อตกลงการซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ PPA อยู่ราว 169 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2566 เป็นต้นไป
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Green Transportation ภายใต้แนวคิดรักษ์โลก (Green Concept) โดยมุ่งให้ความสำคัญต่อการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งบริษัทฯ มีธุรกิจที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ แพลตฟอร์ม MaCharge ซึ่งล่าสุด AMR ได้จับมือกับบริษัทในเครือ บมจ.ซัสโก้ (SUSCO) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในธุรกิจให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ ยังรวมถึง EV Charger เพื่อช่วยตอบโจทย์เรื่องการใช้งาน โดยการใช้ Application ที่มีความปลอดภัย สะดวก ใช้งานง่าย โดยคาดว่าจะเปิดตัวไตรมาส 3 ของปีนี้
นอกจากนี้ AMR ได้เข้าลงทุนในบริษัท ยู เอเลเม้นท์ จำกัด (UE) เพื่อจัดจำหน่ายน้ำดิบให้โรงงานอุตสาหกรรมในเขต EEC คาดก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3 พร้อมรับรู้รายได้จากการจำหน่ายน้ำได้ทันที อีกทั้งยังมีในส่วนของธุรกิจ BMS หรือระบบจัดการอาคาร รวมไปถึง Smart Factory และการบริหารจัดการ Warehouse โดยใช้ระบบ Automation ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก Smart IOT ที่บริษัทฯ มีความรู้ความเข้าใจจากการที่เคยดำเนินการร่วมกับทางโครงการ Depot ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาก่อน
“สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต ไม่ต่ำกว่า 10-20% หรือที่ระดับ 1,500-1,600 ล้านบาท โดยจะเน้นการรักษาฐานรายได้จากธุรกิจปัจจุบันควบคู่ไปกับการรุกขยายธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve ของบริษัทฯ โดยเฉพาะในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เช่น ระบบโซลาร์เซลล์ และธุรกิจที่เกี่ยวกับกรีนซิตี้ โดยบริษัทมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้อยู่ราว 2,200 ล้านบาท และจะเพิ่มงานในมืออย่างต่อเนื่อง” นายณัฏฐชัย กล่าว