แม้มีเสียงเรียกร้องจากสาวกคริปโตให้ถือเหรียญไว้อย่าให้หลุดมือ (HODL (hold on for dear life)) แต่การปล่อยบิตคอยน์อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับความมั่งคั่ง อย่างน้อยในสายตานักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่ง
ดิทเตอร์ เวอร์มุท นักเศรษฐศาสตร์และหุ้นส่วนของเวอร์มุท แอสเส็ต แมเนจเมนต์ อธิบายว่า เป็นเพราะคริปโตเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าที่จะดึงเงินทุนไปจากการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วไป
นอกจากนั้นไม่ใช่แค่เป็นสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรและไม่ก่อเกิดความมั่งคั่งในวงกว้างเท่านั้น แต่คริปโตยังทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม อีกทั้งเปิดทางสำหรับการฟอกเงิน เลี่ยงภาษี และทำลายสภาพภูมิอากาศอย่างร้ายแรง
เวอร์มุทร่ายยาวว่า กิจกรรมของบิตคอยน์ (บีทีซี) เป็นเกมลบที่เสียกันทุกฝ่าย และหากไม่มีคริปโต เศรษฐกิจจะดีกว่านี้เพราะจะมีเงินสำหรับการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้น
และต่อไปนี้คือเหตุผล 3 ข้อที่สนับสนุนมุมมองของเวอร์มุธเกี่ยวกับบิตคอยน์
เหตุผลแรกคือ บิตคอยน์ไม่ได้กระจายความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียม
หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 คริปโตที่ได้รับความนิยมสูงสุดสกุลนี้กลายสภาพจากสินทรัพย์เสมือนไร้ค่ามามีราคาเกือบ 68,000 ดอลลาร์ในปี 2021 กระนั้น เวอร์มุทชี้ว่า มูลค่าที่เพิ่มขึ้นไม่ได้กระจายให้นักลงทุนทุกคน แต่ตกเป็นของคนวงใน อย่างเช่นที่วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานไว้เมื่อสองปีที่แล้วว่า นักลงทุนบิตคอยน์ 0.01% ถือเหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในขณะนั้นถึง 27% หรือประมาณ 232,000 ล้านดอลลาร์
เวอร์มุทตั้งข้อสังเกตว่า เหมืองขุดคริปโตและคนที่ถือบีทีซีก่อนที่ราคาเหรียญจะพุ่งทำสถิติในปี 2021 ฟันกำไรมหาศาลจากราคาบิตคอยน์ที่ทะยานขึ้น ขณะที่นักลงทุนที่มาทีหลังทำได้เพียงแค่ช่วยให้นักลงทุนยุคบุกเบิกรวยขึ้น โดยที่ตัวเองขาดทุนยับเมื่อราคาบีทีซีรูดไถลถึงราว 75% เมื่อปีที่แล้ว
เหตุผลข้อที่สอง ความผันผวนรุนแรงที่บิตคอยน์ต้องเผชิญตลอดมานับตั้งแต่เปิดตัวยังสะท้อนว่า บีทีซีขาดคุณสมบัติในบทบาทของเงิน
เวอร์มุทชี้ว่า บิตคอยน์เปิดตัวในตลาดภายใต้ความคาดหวังสวยหรูว่า จะเป็นสกุลเงินที่ดีกว่าและมีเสถียรภาพมากกว่าเงินตราดั้งเดิม ซึ่งเป็นแค่ภาพลวงตา
ความคิดเห็นนี้อิงกับหลักการที่ว่า เงินต้องมีบทบาทหลักสามประการ ได้แก่ เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ หน่วยวัดมูลค่า และเครื่องเก็บรักษามูลค่า ซึ่งบิตคอยน์ทำคะแนนต่ำมากในทั้งสามบทบาท
เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพ คริปโตอย่างบิตคอยน์จึงมีจำนวนโทเคนที่หมุนเวียนในระบบจำกัด อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดนี้มีอันตกไปหลังจากนักลงทุนปฏิบัติต่อบีทีซีในรูปการลงทุนซึ่งทำให้เกิดความผันผวนรายวันมากกว่าตลาดอื่นๆ
ขณะเดียวกัน เวอร์มุทอ้างอิงข้อเท็จจริงที่ว่า ยังไม่มีการใช้บิตคอยน์ป็นเครื่องมือชำระเงินอย่างกว้างขวางหรือใช้จ่ายภาษี นอกจากนั้นการโอนเงินระหว่างบัญชีบิตคอยน์ด้วยกันยังช้าและแพงกว่าการโอนเงินด้วยวิธีดั้งเดิม
เหตุผลข้อที่สาม บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีแต่เสีย
แม้มีองค์ประกอบต่างๆ ที่ระบุข้างต้น แต่เวอร์มุทบอกว่า บิตคอยน์สร้างสภาพคล่องทางการเงินโดยปราศจากหลักฐานว่า ช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นอกจากนั้น กระบวนการเหมืองขุดบิตคอยน์ยังใช้พลังงานสูงที่เวอร์มุทบอกว่า เป็นตัวการสำคัญในการทำลายสภาพภูมิอากาศ
การแสดงความคิดเห็นของเวอร์มุทเกิดขึ้นขณะที่โลกคริปโตเผชิญความท้าทายใหญ่หลวงซึ่งอาจเริ่มบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนบ้างแล้ว
กรณีล่าสุดคือการล่มสลายของซิกเนเจอร์ แบงก์ที่เป็นมิตรกับคริปโตที่เปิดเผยให้เห็นว่า แบงก์แห่งนี้ถูกหน่วยงานกำกับดูแลของอเมริกาตรวจสอบซึ่งบ่งชี้ว่า ลูกค้าคริปโตอาจมีส่วนร่วมในการฟอกเงิน ขณะเดียวกัน ไบแนนซ์กำลังถูกฟ้องร้องในอเมริกา โดยหนึ่งในข้อกล่าวหามากมายคือ กระดานเทรดคริปโตแถวหน้าแห่งนี้รู้ว่า ตัวเองกำลังอำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมที่มีความผิดทางอาญา
แต่ก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องราวการล้มของ FTX ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่เผยให้เห็นความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนคริปโตในตลาดที่ไม่มีกฎระเบียบควบคุม
เวอร์มุททิ้งท้ายว่า เขาสงสัยว่า ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลเพียงพอหรือไม่ที่ทางการจะตัดสินใจปรับปรุงกฎควบคุมคริปโตให้เข้มงวดขึ้น หรือห้ามแบงก์และสถาบันการเงินอื่นๆ มีส่วนร่วมในตลาดคริปโต หรือสั่งปิดตลาดนี้ไปเลย