xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยเดือน เม.ย.ยังผันผวน เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยสหรัฐฯ กดดัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



4 โบรกฯ ประเมิน SET เดือน เม.ย.66 แนวโน้มผันผวน เหตุตลาดพลิกกลับมากังวลปัญหาเงินเฟ้อ-ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังกลุ่มโอเปกพลัสประกาศลดการผลิตน้ำมันกะทันหัน คาดวอลุ่มเทรดซบเซา จากวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ นักลงทุนรอดู บจ.ประกาศงบ Q1/66 ประเมินดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,560-1,650 จุด ชี้เป้า 26 หุ้นเด่นน่าสะสม

ASPS มองหุ้นเดือน เม.ย. ยังมีความเสี่ยงจาก ศก.-ภูมิรัฐศาสตร์

บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยเดือน เม.ย.66 ประเมินว่าปัจจัยภายนอกที่ยังมีน้ำหนักไปทางสร้างแรงกดดันทั้งประเด็นความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงเชิงเศรษฐกิจ หลังธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ และยุโรปประสบปัญหาสภาพคล่องจนธนาคารกลางต้องเข้าแทรกแซง ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อของหลายประเทศยังไม่ปรับตัวลงเท่าที่ธนาคารกลางหลายแห่งต้องการ ส่งผลให้ MSCI World ปรับตัวลง 2% mtd

ทั้งนี้ ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนเม.ย.ว่าจะเป็นเช่นไร ซึ่งจะส่งผลต่อนโยบายทางการเงินของแต่ละประเทศ ขณะที่ประเด็นการเลือกตั้งภายในประเทศลุ้นปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดหลังรู้ผลการเลือกตั้ง

ส่วนกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผ่านช่วงการปรับลดประมาณการมาแล้ว ซึ่งปัจจุบัน EPS ปี 66 อยู่ที่ 91.8 บาท/หุ้น หรือคิดที่ระดับ Market Earning Yield Gap ระดับ 4.2% จะได้เป้าหมาย SET Index ที่ระดับ 1,610 จุด

ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทย แนะนำคงน้ำหนักพอร์ตหุ้นไทย 30% ของพอร์ต โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index เดือน เม.ย.66 ไว้ที่ 1,560-1,640 จุด ปัจจัยขับเคลื่อน SET Index ยังคงหวังพึ่งกระแสฟันด์โฟลว์ต่างชาติเป็นหลัก ส่วนปัจจัยกดดันยังมีอยู่จากปัจจัยภายนอกประเทศ ซึ่งกลยุทธ์ยังคงให้ทยอยสะสมหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือกำไรเด่นในไตรมาส 2

สำหรับหุ้นเด่นประจำเดือน เม.ย.66 ได้แก่ ADVANC-AMATA-BGRIM-SNNP-JMT-STEC

ยูโอบีฯ คาด SET เดือน เม.ย. เคลื่อนไหว กรอบ 1,580-1,650 จุด

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทย (SET INDEX) ในช่วงเดือน เม.ย.66 ดัชนีอาจปรับตัวผันผวน เนื่องจากรับแรงกดดันจากกรณีกลุ่มโอเปก พลัส (OPEC+) ประกาศลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะกระทบต่อความกังวลการควบคุมปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกอบกับต้องระมัดระวังการเคลื่อนไหวของหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ที่ปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงรุนแรงอาจมีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีได้ เนื่องจากมีน้ำหนักคำนวณในดัชนีหุ้นไทยค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของ SET Index ในช่วงเดือน เม.ย.66 คาดว่าจะอยู่ที่บริเวณ 1,580-1,650 จุด โดยประเมินกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการปรับลดการผลิตน้ำมันลงของกลุ่มโอเปกพลัส ได้แก่ กลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และโรงไฟฟ้า ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว คือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มธนาคารพาณิชย์

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะเลือกลงทุนหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดี ซึ่งใช้จังหวะเข้าซื้อในช่วงที่ดัชนีย่อตัว ด้านหุ้นเด่นประจำเดือน เม.ย.66 ได้แก่ ESSO-PTTEP-BJC-MAJOR-GUNKUL-GULF

ทรีนีตี้ประเมินกรอบแนวรับสำคัญ เม.ย. อยู่ที่ 1,550-1,560 จุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ประเมินตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงมากขึ้นในเดือน เม.ย.66 จากตอนแรกที่เคยมองไว้ว่าหนทางค่อนข้างสะดวก เพราะมีทั้งปัจจัยผลักดันเม็ดเงินฟันด์โฟลว์และปัจจัยดึงดูดในส่วนของธีมการเลือกตั้งบ้านเรา อย่างไรก็ดี ด้วยการประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันขนานใหญ่ของกลุ่ม OPEC+ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มองว่าหากเกิดขึ้นจริง ปัจจัยนี้อาจเป็นจุดพลิกเกมที่สำคัญของการลงทุนทั่วโลกในช่วงถัดไป และจะทำให้สมมติฐานการลงทุนเดิมหลายๆ อย่างจะต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ประเมินกรอบแนวต้านแรกของ SET เดือนนี้ไว้ที่ 1,640 จุด ส่วนกรอบแนวต้านสำคัญที่ไม่น่าทะลุ ได้แก่ ระดับสูงสุดเดิมของปีที่ 1,690 จุด เนื่องจากเป็นระดับที่ตึงตัวในแง่ของ Valuation แล้ว ในทางกลับกันให้กรอบแนวรับแรกไว้ที่ 1,580-1,600 จุด แต่อาจต้องแบ่งไม้ในการเข้าซื้อ เผื่อดัชนีมีการ Price in ปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่เกิดขึ้น โดยมองกรอบแนวรับสำคัญเดือนนี้ที่บริเวณ 1,550-1,560 จุด

ขณะที่ในเชิงกลยุทธ์แนะขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบดังกล่าว ส่วนในแง่ของกลุ่มหุ้นนั้นจากความเสี่ยงทางด้านต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความเสี่ยงเงินเฟ้อด้านสูงและการเข้มงวดนโยบายการเงินในช่วงถัดไป แต่ในระยะสั้นอาจมีธีมการเลือกตั้งช่วยหนุนภาคการบริโภคภายในอยู่ได้บ้าง จึงขอโฟกัสไปกลุ่มบริการเป็นหลัก เนื่องจากดูแล้วค่อนข้างปลอดภัยที่สุดจากเหตุการณ์ต่างๆตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรงพยาบาล โรงแรม ร้านอาหาร ค้าปลีก และสื่อ เป็นต้น โดยมีหุ้นที่แนะนำ ได้แก่ BDMS-BH-CENTEL-ERW-AU-ZEN-CRC-DOHOME-PLANB

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม จับตาการตอบรับเชิงบวกในระยะสั้นของราคาน้ำมันดิบ หลังซาอุฯ และประเทศสมาชิกในกลุ่ม OPEC+ ประกาศหั่นกำลังการผลิตน้ำมันรวมกันราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นสัดส่วนของซาอุฯ เอง 5 แสนบาร์เรลต่อวัน และจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้ไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งเมื่อมารวมกับการลดกำลังการผลิตเดิมของรัสเซียที่ระดับ 5 แสนบาร์เรลต่อวันที่มีการต่ออายุเพิ่มเติมออกไปอีกจนกระทั่งถึงสิ้นปีนี้ จะทำให้กำลังการผลิตที่หายไปทั้งสิ้นรวมเป็น 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากเกิดขึ้นจริงจะถือว่าเป็นระดับที่มีนัยสำคัญมากต่อสมดุล Demand-Supply ในตลาดพลังงานโลกได้

เมย์แบงก์ฯ แนะเลือกหุ้นผลประกอบการดี-รับอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยคาดว่าจะปรับตัวแบบไซด์เวย์ เนื่องจากปกติโดยรวมตลาดช่วงเดือน เม.ย.วอลุ่มเทรดไม่ค่อยมากนัก เพราะมีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลค่อนข้างมาก ประกอบกับคาดว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะรอดูทิศทางการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในงวดไตรมาส 1/66 ก่อน ทำให้การเข้าเทรดเพื่อเก็งกำไรอาจทำได้ค่อนข้างยาก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยเข้ามาเพิ่มเติม หลังกลุ่ม OPEC+ ประกาศลดการผลิตน้ำมันลง

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของ SET Index ในช่วงเดือน เม.ย.66 คาดว่าจะอยู่ที่บริเวณ 1,550-1,630 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุนเน้นกลุ่มที่ผลประกอบการออกมาดี เช่น กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นหรือตั้งรับหุ้นที่อิงเศรษฐกิจภายในประเทศช่วงตลาดย่อตัว โดยมีหุ้นที่แนะนำ ได้แก่ PTTEP-TOP-ADVANC-CPALL-COM7-SPA-SAPPE


กำลังโหลดความคิดเห็น