xs
xsm
sm
md
lg

"เศรษฐา" งัดประชานิยมหาเสียง อัดฉีด 10,000 THB token ผ่าน CBDC

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"นายเศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลงประเด็นเดือด งัดมุขเดิม "ประชานิยม" แจกเงินประชาชน 10000 บาท ได้ทุกคนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่ออัดฉีดระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับครัวเรือน หวังดึงความนิยมหาเสียงเลือกตั้งแบบแลนสไลน์ ชูนโยบาย "คิดใหญ่ คิดใหม่ คิดทันสมัย" ดันประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล และ Fintech ของภูมิภาค บนระบบบล็อกเชน ไม่หวั่นกระทบวินัยการคลัง

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พร้อมด้วยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ และนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคและกรรมการด้านเศรษฐกิจ ร่วมแถลงข่าวประเด็นร้อน "แจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ตั้งแต่อายุ 16 ปีได้ฟรีทุกคน"

นายเศรษฐา ทวีสิน ท้าวความย้อนไปถึงช่วงการสิ้นสุดอำนาจการบริหารของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ซึ่งช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยบอบช้ำอย่างมาโดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจ ประชาชนรายได้ลด รายจ่ายเพิ่ม อยู่ภาวะซึมลึก ซึมยาว ซึมนาน รัฐบาลปัจจุบันหยอดน้ำข้าวต้มมาเรื่อยๆ เป็นจำนวนเงินเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์ไม่เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจ พรรคจึงตัดสินใจน้ำนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการใส่เงินดิจิทัลเข้าระบบกระเป๋าเงินให้ประชาชนทันที 10,000 บาท ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ส่วนสาเหตุที่ต้องเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถกำหนดเงื่อนไข ข้อจำกัดวิธีการใช้งานได้ และสามารถกำหนดหลักเกณฑ์ได้ว่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง แต่ถ้าให้เงินสดอาจนำไปใช้ในทางอื่นที่อาจไม่เหมาะสม ซึ่งอาจเชื่อมโยงธุรกิจสีเทาเช่นการพนัน ยาเสพติด หรือหนี้นอกระบบตามมาได้

อย่างไรก็ดีขณะนี้ พรรคฯ อยู่ระหว่างการศึกษาว่าหากเป็นหนี้สถาบันการเงิน จะสามารถใช้ได้หรือไม่ ซึ่งตนและทีมงานจะลงพื้นที่ไปพูดคุยกับประชาชน ถ้าหากเป็นความต้องการของประชาชน เราจะพิจารณาโดยอาจจะกันส่วนหนึ่งสำหรับใช้หนี้สถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลดีช่วยให้หนี้ครัวเรือนลดลง หรือหากติดเครดิตบูโร ก็สามารถกลับมากู้เงินได้อีก

"สำหรับระยะเวลาใช้เงินดิจิทัลนั้น จะกำหนดให้ใช้ได้ภายในกรอบเวลา 6 เดือน นับจากที่เงินเข้าสู่กระเป๋า เพราะต้องการให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยอย่างรวดเร็วตามห้างร้านต่างๆ หรือ SMEs จะได้เร่งผลิตสินค้าออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนรัศมีในการใช้ ตามที่อยู่ในบัตรประชาชนรัศมีประมาณ 4 กิโลเมตร ส่วนกรณีประชาชนที่ไม่มีร้านค้าในระยะ 4 กิโลเมตร อาจขยายระยะทางเพื่อสามารถไปใช้ได้ ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายเงินตามบัตรประชาชนเท่านั้น เพราะเราอยากให้กลับไปใช้เงินที่บ้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เป็นความตั้งใจไปสู่ภูมิภาคด้วย เราต้องการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค แต่ถ้า 6 เดือนไม่ได้เยี่ยมบ้านเลย เงินนั้นจะหายไป" นายเศรษฐา กล่าว

ทั้งนี้ วงเงินดิจิทัลสามารถนำไปใช้จ่ายเป็นค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า เติมน้ำมัน ยกเว้นไปซื้อบุหรี่ สุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอร์ หรือ ใช้หนี้นอกระบบ รวมถึงสามารถใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อต่างๆ ได้ โดยจะใส่เงินให้กับคนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน คาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์ประมาณ 50 ล้านคน ซึ่งจะใช้งบประมาณประมาณคร่าวๆไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท โดยหวังว่าหากได้จัดตั้งรัฐบาล จะสามารถขับเคลื่อนตัดริบบิ้นโครงการนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 ทันที นอกจากนี้ยังคาดหวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจภายใน 4 ปี โดยจะโตเฉลี่ย 5% ต่อปี

ขณะที่ส่วนของเม็ดเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการนี้ ายเศรษฐา กล่าวว่า เงินที่ใช้ในโครงการนี้ จะมาจากการจัดสรรงบประมาณจากปี 2567 ซึ่งอาจมีการปรับลดงบประมาณจากกระทรวงต่างๆ โดยกระทรวงหลักๆที่จะปรับลดคืองบจากกระทรวงกลาโหม นอกจากนี้ยังได้หาช่องทางเตรียมออกมาตรการจัดเก็บภาษีเพิ่มจากเงื่อนไขโครงการต่างๆ โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มเข้ามาอีกประมาณ 2 แสนล้านบาท และภาษีนิติบุคคลที่ได้รายได้มากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งมาจากสวัสดิการรัฐที่จะลดน้อยลง

“ไม่อยากให้ใช้คำว่าประชานิยมสุดโต่ง แต่ให้มองที่ความจำเป็นของประชาชน เป็นความต้องการของประชาชน ที่ต้องการความช่วยเหลือในช่วงเวลานี้” นายเศรษฐา กล่าว

อย่างไรก็ดีกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านโยบายนี้ มองเป็นการแจกโปรยทานประชาชน มองประชาชนเห็นเป็นยาจกนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เคยมองประชาชนเป็นยาจก เป้าหมายของของพรรคเพื่อไทย คือช่วยประชาชนพ้นหลุมดำของความยากจน ถ้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะเป็นจุดสตาร์ทให้ประชาชนลุกขึ้นเดิน ลุกขึ้นทำมาหากินได้อีกครั้งหนึ่ง ตนถือว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน

ด้าน นายแพทย์พรหมมินทร์ กล่าวว่า จุดยืนพรรคเพื่อไทย ต้องการให้อำนาจรัฐเพิ่มรายได้ให้ประชาชน สิ่งสำคัญคือสร้างรายได้ให้กับทุกกลุ่ม ทั้งนโยบายเรื่องรายได้ขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท เพื่อเป้าหมายเศรษฐกิจโตไม่ต่ำกว่า 5% รวมถึงนโยบายรายได้เกษตร เราจะทำให้เพิ่ม 3 เท่า เปิดประตูรองรับการท่องเที่ยว โครงการหนึ่งครอบครัว 1 ซอฟพาวเวอร์ เพื่อปรับปรุงเพิ่มรายได้ 2 แสนบาท/ครัวเรือน/ปี เป็นต้น

“สภาพที่ผ่านมา ประเทศเราถูกทิ้งไว้ ถดถอย และล้าหลังในช่วง 8 ปี หลังโควิดเราเป็นอันดับท้ายๆ ของอาเซียน ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น แต่รายได้ไม่พอ จึงจำเป็นต้องกระตุ้น ในเชิงการแพทย์เราไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้มเพื่อให้ยืดความตาย แต่เราจะต้องใช้การปั้มหัวใจให้ฟื้นคืนมาได้เร็วและแข็งแรง มาตรการเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต สำหรับระยะสั้นเพื่อปลุกพละกำลังเราเพิ่มขึ้น” นพ.พรหมมินทร์ กล่าว

ส่วนที่นักเศรษฐศาสตร์มีการวิจารณ์ว่าเป็นการกระตุ้นบริโภคที่ไม่ถูกทางนั้น นพ.พรหมมินทร์ ชี้แจงว่า คนที่หารายได้ก็เพื่อนำมาบริโภค แต่หากมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการบริโภค ก็ไม่มีกำลังจะลงทุนต่อในการทำมาหากิน ซึ่งเงินตรงนี้จะช่วยสร้างให้เกิดรายได้เพิ่ม และมาตรการนี้เป็นช่วงระยะสั้น 6 เดือน และระหว่าง 6 เดือนนี้จะมีมาตรการอื่นๆ รองรับให้เขาทำมาหากินได้เพิ่มขึ้น

นพ.พรหมมินทร์ มั่นใจว่า นโยบายนี้ไม่เข้าข่ายเป็นการสัญญาว่าจะให้ เพราะนโยบายนี้เกิดขึ้นกับคนไทยทุกคน ไม่ได้ให้เฉพาะเจาะจง แต่เป็นนโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ และงบประมาณทั้งหมดที่ใช้ทุกโครงการให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น คือ ได้งานและสิ่งที่ดีกว่าเดิม

“ผมเปรียบง่ายๆ วันนี้ประเทศไทยมีเฟอร์รารี่ แต่คุณให้คนขับเกวียนไปขับ มันไปไม่ได้ แต่วันนี้คนขับรถแข่งมาเอง” นายแพทย์พรหมมินทร์ กล่าว

ขณะที่นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า เศรษฐกิจดิจิทัลโตเร็วกว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน 2.5 เท่า วันนี้พรรคต้องการสร้างโครงสร้างทางการเงินยุคใหม่ให้กับประเทศ เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งระบบการเงินยุคใหม่ไร้ตัวกลาง สนับสนุนโดยบล็อกเชน ต่อจากนี้ คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป จะมี 2 บัญชี คือ บัญชีออมทรัพย์ผูกกับธนาคารพาณิชย์ และมีบัญชีดิจิทัลวอลเล็ตให้กับประชาชน 16 ปีขึ้นไป ผูกกับบัตรประชาชนอัติโนมัติ นี่คือ โครงสร้างที่วางให้กับประชาชน เพื่อดึงดูดคนมาใช้โครงสร้างนี้ เลยเป็นที่มาของการใส่เงินก้นถุง 10,000 บาท และสร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้ระบบการเงินยุคใหม่ ซึ่งเงินยุคใหม่ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน สามารถเขียนเงื่อนไขลงบนเงินได้ เราต้องการเงินหมุนระดับหมู่บ้าน ระดับชุมชม ซึ่งแตกต่างเงินเป๋าตังค์ที่เป็นเงินยุคเก่า

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า เมื่อจบโครงการนี้ ระบบพร้อม ประชาชนพร้อม ประเทศพร้อม เข้าสู่ระบบการเงินยุคใหม่ จะก้าวสู่ระบบการเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง และต่อจากนี้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการะดมทุนในบล็อคเชน เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค เกิดการจ้างงาน ธุรกิจมหาศาล

นายเผ่าภูมิ ยืนยันว่า ทุกนโยบายสร้างรายได้ให้กับประชาชน ไม่ใช่การโอบอุ้มระยะยาว เราเป็นทุนนิยมที่เท่าเทียมที่มีหัวใจ เราเป็นพรรคที่ใช้หลักการรดน้ำที่ราก และพรรครับผิดชอบสูงสุดต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศ

ทั้งนี้ ไม่ได้บังคับให้ประชาชนต้องเลือกระหว่างนโยบายเงินดิจิทัล กับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะประชาชนจะมี 2 บัญชี คือ บัญชีออมทรัพย์ และบัญชีดิจิทัลวอลเล็ต แต่เราจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น จนวันหนึ่ง คนจะหลุดจากเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พร้อมย้ำว่า เราจะไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นายจักรพงษ์ กล่าวว่า งบประมาณที่ใช้ในปี 67 จะมีรายได้การจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 2.6 แสนล้านบาท โดยเป็นตัวเลขที่สำนักงบประมาณได้มีการคำนวณไว้แล้ว และไม่รวมโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่เราสามารถปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลงได้ โดยพรรคยืนยันว่า เราจะไม่ยกเลิกบัตรคนจน แต่จะเปิดโอกาสประชาชนเลือกระหว่างบัตรคนจน หรือโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล พร้อมเชื่อว่า หากสามารถเริ่มโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลได้ ก็คงไม่มีใครอยากไปใช้บัตรคนจนอีกแล้ว สามารถลดงบประมาณตรงส่วนนี้ได้ 5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 67 ยังไม่ผ่านวาระใด หากสามารถฟอร์มรัฐบาลในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.สามารถเข้าไปพิจารณางบประมาณปี 67 ได้ และสามารถรีดงบประมาณส่วนเกินได้อีกหลายแสนล้านบาท

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจพื้นฐาน และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งด้านของเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน 2.5 เท่า และในที่สุดจะมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน หากไม่วางโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล จะทำให้ประเทศไทยเดินไปสู่หายนะ

ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจดิจิทัล วันนี้พรรคเพื่อไทยไปไกลกว่า Free-WiFi อินเทอร์เน็ต 5G แต่เราจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินยุคใหม่ให้กับประเทศ เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ระบบการเงินยุคใหม่ที่ไร้ตัวกลาง ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน โดยต่อจากนี้คนไทยอายุ 16 ปี ขึ้นไป จะมี 2 บัญชี คือ บัญชีออมทรัพย์ทั่วไป และบัญชีดิจิทัล วอลเล็ต ที่จะผูกบัตรประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนโดยอัตโนมัติ โดยจะมีกุญแจดิจิทัล ให้กับประชาชนเข้าถึงบัญชีนี้ ดึงดูดผู้ใช้ด้วยการใส่เงินก้นถุง 10,000 บาทให้กับประชาชนทุกคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการสร้างแรงจูงใจระบบการเงินยุคใหม่นี้ ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่สามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินได้ เช่น ใช้ภายใน 6 เดือน ระยะ 4 กม. จากที่อยู่บัตรประชาชน และสามารถเขียนโค้ดได้ภายใน 5 นาที ว่าเงิน 10,000 บาท จะกลายเป็นเงิน 12,000 บาท หรือกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง จาก 10,000 บาท เป็น 13,000 บาทได้ ทั้งหมดคือความสามารถของบล็อกเชน

"เมื่อจบโครงการนี้ประเทศจะก้าวสู่ระบบการเงินยุคใหม่ด้วย (CBDC) หรือ Central bank digital currency ซึ่งสามารถใช้ในระบบการจัดจ้าง การใช้จ่ายปกติทั่วไป ทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศอันดับหนึ่งในภูมิภาค ที่ใช้เงินดิจิทัล กลายเป็นประเทศอันดับ 2 ในซีกโลกตะวันออกรองจากจีน และไทยจะอยู่ไม่เกินอันดับ 10 ของโลก และจะทำให้ไทยเป็นประเทศศูนย์กลางการระดมทุนผ่าน Dogital asset เป็นศูนย์กลางของ Fintech เป็นศูนย์กลางบล็อกเชน เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค รายได้มหาศาล การสร้างงาน การจ้างงานจะเกิดขึ้น ทั้งหมดคือการลงทุนที่ผลตอบแทนสูง"

ส่วนงบประมาณที่ใช้นั้น เพื่อไทยไม่เน้นการแจกจ่าย เราจะไม่โอบอุ้มด้วยการให้สวัสดิการไปเรื่อยๆ เราเน้นการสร้างรายได้ใฟ้กับประชาชน จึดมุ่งหมายคือากรสร้างรายได้ให้กับประชาชน ไม่ใช่การโอบอุ้มจุนเจือระยะยาวที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถลึกยืนด้วยขาของตัวเอง เราคือทุนนิยมที่เท่าเทียม และเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจหลักของเราคือการสร้างรายได้ และเราเป็นพรรคที่ใช้หลักการที่การรดน้ำที่ราก เราเห็นความสำคัญของแรงงาน SME ผู้มีรายได้น้อยเพราะเป็นฐานของเศรษฐกิจ ยืนยันพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีความรับผิดชอบสูงสุดต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศ และความมั่นคงทางการคลังของประเทศ

“นี่คือจุดแตกต่างของเรากับแอปพลิเคชันเป๋าตังค์ ซึ่งเป็นเงินในโลกยุคเก่า เราคือเงินยุคใหม่ ทั้งหมดคือวิสัยทัศน์ของเพื่อไทย เราคิดใหญ่ คิดใหม่ คิดทันสมัย” นายเผ่าภูมิ กล่าว

ทั้งนี้นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลงทุนภาครัฐมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เป็น 1 ใน 4 เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ หากการเลือกตั้งเป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน จะกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ในปี 2567 รัฐบาลจะมีรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 260,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สำนักงบประมาณเคยคาดการณ์ไว้ และยังไม่รวมโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลปัจจุบัน ที่สามารถลดโครงการที่ไม่จำเป็นลงได้

"พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จะไม่ยกเลิกบัตรคนจน โดยจะดำเนินโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท กับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป และคาดว่าทันทีที่เริ่มโครงการคนไทยจะไม่อยากใช้บัตรคนจนอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้สามารถลดงบประมาณส่วนของบัตรคนจนลงไปได้ 50,000 ล้านบาท รวมทั้งรีดไขมันจาก พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2567 จากโครงการที่ไม่จำเป็นอีกต่อไปได้"

นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการบริหารงานในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันสามารถพิสูจน์ได้ว่าพรรคเพื่อไทยมีวินัยการเงิน การคลัง






กำลังโหลดความคิดเห็น