ตลาดหลักทรัพย์ออกคำเตือนนักลงทุน ตอกย้ำให้พิจารณาถึงข้อมูลปัจจัยพื้นฐานและความเสี่ยงของหุ้นบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA อีกครั้ง แต่ผลตอบรับเช่นเดียวกับคำเตือนครั้งก่อนๆ
เพราะราคาหุ้น DELTA ยังพุ่งทะยานอย่างร้อนแรง สร้างจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง นับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2538 และไม่อาจคาดหมายได้ว่าราคาจะเดินหน้าไปไกลขนาดไหน แม้ค่าพี/อี เรโชจะทะลุ 92 เท่าแล้วก็ตาม
DELTA วิ่งมาแรง 3 วันติด จากราคาปิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาในราคา 978 บาท หลังจากนั้นพุ่งขึ้นมาจากล่าสุดวันที่ 31 มีนาคมปิดที่ 1,142 บาท
ไม่มีข่าวดีหรือปัจจัยใหม่กระตุ้นหุ้น DELTA แต่อย่างใด
ส่วนราคาที่พุ่งขึ้นเพราะแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยวันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม ต่างชาติซื้อผ่าน NVDR จำนวน 1,638.89 ล้านบาท และวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม ซื้อผ่าน NVDR อีก 386.80 ล้านบาท
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เกตแคปของ DELTA พุ่งขึ้นเป็น 1.42 ล้านล้านบาท ครองความเป็นหุ้นขนาดใหญ่มาร์เกตแคปสูงสุดอันดับ 1 ในตลาดหลักทรัพย์ หรือมีสัดส่วน 7.21% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตลาดรวม ซึ่งมีจำนวน 19.73 ล้านล้านบาท และมีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี 116.02 จุด
การขึ้นลงของราคาหุ้น DELTA ทุก 10% มีผลต่อการขึ้นลงดัชนี 11.60 จุด
DELTA แซงหน้าราคาที่บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ตั้งเป้าหมายราคาหุ้นไว้สูงสุดในบรรดาโบรกเกอร์ด้วยกันอยู่ที่ 1,000 บาท แต่หุ้นวิ่งทะลุขึ้นมาปิดที่ 1,142 บาท และไกลกว่าปัจจัยพื้นฐานที่จะรองรับ
แต่สำหรับหุ้นชี้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตัวนี้ไม่อ้างอิงกับปัจจัยพื้นฐาน ไม่เคลื่อนไหวตามภาวะตลาด แต่เคลื่อนไหวตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งต้องการผลักดันดัชนี 500 เพื่อผลการขึ้นลงของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี
วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี 50 นักลงทุนต่างชาติที่อาจซื้อสัญญา LONG หรือซื้อสัญญาดัชนี 50 ขาขึ้นไว้ จึงไล่ซื้อหุ้น DELTA จนราคาพุ่งขึ้น 94 บาท และมีผลต่อการผลักดันดัชนี 50 ขึ้นนับ 10 จุด
ประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ DELTA จะแตกพาร์หรือแตกมูลค่าหุ้น จากพาร์ 1 บาทเหลือ 10 สตางค์ ซึ่งราคาหุ้นจะซื้อขายกันที่ราคาระดับ 100 บาท แต่การแตกพาร์ไม่ใช่ปัจจัยกระตุ้นหุ้น เพราะราคาได้ซึมซับรับข่าวล่วงหน้าไปแล้ว
ราคาบนกระดานขณะนี้เกิดจากต่างชาติลากขึ้น โดยมีนักลงทุนรายย่อยบางส่วนตามแห่เก็งกำไร และพร้อมแบกรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าราคาที่พุ่งทะลุ 1,142 จุด เป็นราคาที่สุดแสนอันตรายสำหรับหุ้น DELTA เป็นหุ้นประเภทไปไม่ลามาไม่ไหว้ พร้อมจะดิ่งลงระดับ 100 บาทได้ตลอดเวลา
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย DELTA สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนรายย่อยไมได้สะทกสะท้านกับความร้อนแรงของราคาหุ้น โดยปิดสมุดทะเบียนหุ้นเดือนมีนาคมปี 2564 มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 7,846 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 22.35% ของทุนจดทะเบียน
ปิดสมุดทะเบียนเดือนมีนาคมปี 2565 จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยเพิ่มเป็น 12,185 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 22.35% ของทุนจดทะเบียน
ตลาดหลักทรัพย์เห็นอันตรายของหุ้น DELTA จึงส่งสัญญาณเตือนนักลงทุน แต่กลับไม่สามารถดับร้อนหุ้นได้ เพราะต่างชาติยังลากขึ้นไปต่อ
ไม่มีเพดานขวางกั้นความแรงของหุ้น DELTA แต่รายย่อยที่จะเข้าไปวัดดวงต้องดูฤกษ์ดูยามให้ดี เพราะพลาดท่ากระเป๋าฉีกง่ายๆ