ฝ่ายวิจัย โบรกเกอร์สำนักต่างๆ กำลังทยอยปรับลดประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปีนี้ โดยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินหุ้นปลายปีที่ 1,610 จุดเท่านั้น
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองในเชิงลบ สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นปี 2566 แตกต่างจากต้นปีที่มองการลงทุนอย่างสดใส แต่มรสุมข่าวร้ายที่กระหน่ำใส่เป็นระลอกทำให้ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทิศทางตลาดเปลี่ยนสู่ขาลงเต็มตัว จากดัชนีที่แตะระดับ 1,700 จุด ต้องทรุดลงต่อเนื่องตามแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยยอดขายหุ้นสะสมจากต้นปีจนสิ้นสุดวันที่ 16 มีนาคม มีจำนวน 47,683.33 ล้านบาท
นอกจากแรงขายของต่างชาติแล้ว นักลงทุนยังกังวลผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหม่ ตามด้วยการล้มของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ ธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 16 ของสหรัฐฯ และตบท้ายด้วยวิกฤตของธนาคาร เครดิต สวิส ธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์
ตลาดหุ้นทั่วโลกระส่ำระสาย สถาบันการเงินทั่วโลกปั่นป่วน นักลงทุนกลัวเกิดโดมิโนในระบบธนาคารพากันเทขายหุ้น จนตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในสภาพรถไฟเหาะตีลังกา ขึ้นผันผวนรุนแรง ขึ้นและลงวันละเกือบ 50 จุด แนวรับทุกจุดถูกทำลาย ดัชนีทรุดลงไปต่ำสุดที่ 1,523.89 จุด เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา
นายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ต้องออกโรงมาชี้แจงวิกฤตธนาคารเครดิต สวิส โดยระบุว่า แทบไม่มีผลกระทบใดต่อธนาคารของไทย เพราะดำเนินธุรกิจที่แตกต่าง เพราะเครดิต สวิส ดำเนินธุรกิจออกตราสารให้บริษัทจดทะเบียน และบริการเงินลงทุนส่วนบุคคล
ส่วนธนาคารพาณิชย์ของไทยดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อและรับฝากเงิน มีรายได้หลักจากส่วนต่างดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมบริการต่างๆ
เป้าหมายของการชี้แจงกรณีธนาคารเครดิต สวิส เพื่อระงับความตื่นตระหนกของผู้ลงทุน ซึ่งกำลังขวัญกระเจิงจากข่าวร้ายที่ไหลบ่าเข้ามาเหมือนสายน้ำ และอาจพากันเทขายหุ้นทิ้งหนีตายจนดัชนีดิ่งลงเหวลึกได้
ธนาคารเครดิต สวิส มีสาขาในประเทศไทยคือ บริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด โบรกเกอร์ที่มองโลกสวย โดยต้นปีประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,870 จุด เพราะนักลงทุนต่างชาติจะซื้อหุ้นต่อเนื่องจากปี 2565 ขณะที่การท่องเที่ยวฟื้นตัว และจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้น
แต่เป้าหมายดัชนีหุ้นของ บล.เครดิต สวิสฯ คงเป็นฝันกลางวัน เพราะสถานการณ์ตลาดหุ้นปัจจุบันตกอยู่ในความเลวร้าย ปัจจัยลบกระหน่ำซ้ำเติมเป็นระลอก ดัชนีหัวทิ่มจนแทบจะหลุด 1,500 จุด
บริษัท ฮานา ไมโคร อิเล็ดโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ HANA จากการลงทุนผ่านกองทุนตราสารของเครดิต สวิส และได้รับความเสียหาย 420 ล้านบาท จนผลประกอบการปี 2564 ชะลอตัว ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงทันทีที่ประกาศงบไตรมาสที่ 4 ปี 2564
ไม่รู้ว่า HANA ถอนเงินลงทุนออกจากกองทุนตราสารของเครดิต สวิสหรือยัง เพราะถ้ายังลงทุนอยู่อาจได้รับผลกระทบซ้ำสอง
นักลงทุนต่างชาติเหมือนนกรู้ ชิงเทขายหุ้นออกตั้งแต่ยังไม่มีสัญญาณความผันผวน ข่าวร้ายต่างๆ ยังไม่ถาโถมเข้ามา รอบนี้จึงไม่เจ็บตัวมากนัก มีแต่นักลงทุนรายย่อยเท่านั้นที่เจ็บหนัก เข้าไปช้อนซื้อหุ้นตลอด กลายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่และรายเดียว มียอดซื้อหุ้นสะสมสุทธิ 52,011.83 ล้านบาท
วิกฤตตลาดหุ้นรอบนี้ยังไม่ได้ปิดฉากลงเสียทีเดียว และดัชนี 1,523.89 จุด อาจไม่ใช่จุดต่ำสุดในรอบนี้
นักลงทุนอย่าได้วางใจ คิดว่าหุ้นลงมาสุดก้นเหวแล้วเป็นอันขาด