นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์หลายสำนักเคยประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไว้เมื่อช่วงต้นปี มองว่า ไตรมาสแรกปีนี้จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของการลงทุน แต่เอาเข้าจริงๆ ตลาดหุ้นกลับผันผวนอย่างหนัก
ดัชนีหุ้นหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,600 จุดเรียบร้อย และมีแนวโน้มที่จะทรุดลงต่อ โดยไม่อาจทำนายได้ว่ารอบนี้จะดิ่งลงลึกสุดถึงระดับใด
ปัจจัยในเชิงบวกที่กูรูหุ้นมองกันไว้ผิดจากความคาดหมายกันหมด ไม่ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐณ ซึ่งคิดว่าจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่กลบมีสัญญาณว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงใช้ยาแรงขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่หวังกันว่าจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นต่อเนื่องจากปี 2565 ซึ่งซื้อหุ้นสุทธิประมาณ 2 แสนล้านบาท แต่ต่างชาติกลับขายหุ้นรอออกมาอย่างหนัก กดดันให้หุ้นปรับฐานลงนับจากต้นเดือนกุมภาพันธ์
เดือนมกราคมต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท เป็นการซื้อต่อเนื่องจากปี 2565 ตามที่โบรกเกอร์หลายสำนักคาดหวังไว้ แต่เริ่มเดือนกุมภาพันธ์ ต่างชาติกระหน่ำขายหุ้นอย่างหนักและต่อเนื่องตลอดเดือน
แม้ขึ้นเดือนมีนาคม ต่างชาติยังถล่มขายหุ้นไม่เลิก เป็นการขายมาราธอน และทำให้มียอดขายหุ้นสุทธิสะสมจากต้นปีพุ่งเป็น 39,913.98 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนใจกล้าที่เข้าไปซื้อหุ้น สวนหมัดกับต่างชาติคือรายย่อย ซึ่งมียอดซื้อหุ้นสุทธิ 38,093.55 ล้านบาท
การเทขายหุ้นของต่างชาติไม่ใช่การขายเพื่อทำกำไร แต่ขายเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ขายเพราะประเมินว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยไม่สดใส มีความผันผวน ดัชนีอาจปรับตัวลงลึก จึงเผ่นหนี ทยอยขนเงินกลับบ้าน
ขณะที่นักลงทุนรายย่อยไม่เชื่อว่าตลาดหุ้นปีกระต่ายจะย่ำแย่ และมองว่าแนวรับ 1,600 จุดจะเอาอยู่ จึงทยอยซื้อหุ้นเก็บสะสม หุ้นยิ่งลง ฝรั่งยิ่งทุบขาย ยิ่งเข้าไปซื้อ ซึ่งปรากฏว่า นักลงทุนรายย่อยต้องแบกรับหุ้นราคาแพงเข้าพอร์ต ติดหุ้นต้นทุนสูงกันถ้วนหน้า
ระหว่างปี 2561 ถึง 2564 นักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อหุ้นสะสมประมาณ 5 แสนล้านบาท ปี 2565 ขายหุ้นออกมาเพียงประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แต่ปีนี้เข้าไปช้อนซื้อหุ้นเก็บสะสมเข้ามาอีกเกือบ 4 หมื่นล้านบาทแล้ว
ต่างชาติยังไม่มีสัญญาณว่าจะหยุดขายหุ้น เช่นเดียวกับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งยังคงไม่ย่อท้อต่อการซื้อหุ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อถัวเฉลี่ยหุ้นต้นทุนเดิม แต่ยิ่งซื้อก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งเข้าเนื้อลึก
จากจุดสูงสุดในปีนี้ ดัชนีทรุดลงมากว่า 100 จุดแล้ว โดยแนวโน้มระยะสั้นยังเป็นขาลง หรือดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละมุมมองของกูรูหุ้นแต่ละคนว่าแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,580 จุด หรือ 1,560 จุด และจะรับการถล่มขายของต่างชาติไหวหรือไม่
ปี 2565 แม้ตลาดหุ้นจะไม่สดใสนัก แต่โดยรวมทั้งปี ดัชนีสามารถไต่ขึ้นมาบวกประมาณ 11 จุด เมื่อเทียบกับจุดปิดสิ้นปี 2564
แต่สำหรับปีกระต่าย สถานการณ์ไตรมาสแรกคงปิดฉากด้วยความเลวร้าย นักลงทุนรายย่อยเจ็บหนัก
และไม่อาจคาดหมายได้จริงๆ ว่า ลึกสุดของรอบนี้ดัชนีจะลงไปต่ำสุดที่ระดับใด