การขยับขยายเข้าไปในประเทศต่างๆ ของทุนจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบเห็นได้ทั่วโลกทั้งในอาเซียน แอฟริกา ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา แคนาดา เรียกได้ไปทั่วทุกภูมิภาคและไปในกลุ่มธุรกิจเลย ทั้งในรูปแบบของการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เช่น เส้นทางรถไฟ ท่าเรือ ถนน ระบบสาธารณูปโภค ระบบโทรศัพท์ เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นการเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ ทั้งในรูปแบบของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่มีรัฐบาลจีนสนับสนุน และบริษัทจีนขนาดต่างๆ ซึ่งหลายบริษัทจีนมีขนาดใหญ่มาก รวมไปถึงการลงทุนแบบส่วนบุคคลในรูปแบบของนักลงทุนรายย่อย หรือบริษัทเอกชนขนาดเล็ก
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยก็เห็นการเข้ามาของทุนจีนมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของนักลงทุนรายย่อยและบริษัทเอกชนที่เข้ามาลงทุนในทุกระดับตั้งแต่การลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์การเข้าซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ อาจจะมีรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของประเทศจีนที่มีทุนของรัฐบาลจีนสนับสนุนบ้างแต่ไม่มากนักและส่วนใหญ่เป็นการเข้ามาเพื่องานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่ทำงานร่วมหรือภายใต้บริษัทรับเหมาก่อสร้างของประเทศไทย
ซึ่งทุนจีนที่เข้ามาในประเทศไทยมีทั้งที่เข้ามาทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมาขาวสะอาดแต่เข้ามาในประเทศไทยด้วยเงินทุนจำนวนมหาศาลซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดหรือระบบธุรกิจในประเทศไทย เพราะบ่อยครั้งที่กลุ่มทุนจีนใช้เงินกว้านซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน ตึกแถว อาคารพาณิชย์ ร้านอาหาร พื้นที่สำนักงานในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์พร้อมขายหรือให้เช่าทันทีเพราะกลุ่มนี้พร้อมจ่ายเงินสดและวางเงินมัดจำล่วงหน้า 6-12 เดือนทันทีไม่มีข้อต่อรอง
การเช่าหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์รูปแบบนี้บางครั้งไม่ได้นำไปทำธุรกิจหรือกิจการอะไรแต่ซื้อเก็บไว้เฉยๆ ก็มี เรื่องแบบนี้สร้างปัญหาให้ธุรกิจร้านค้าแบบดั้งเดิมของประเทศไทยที่เช่าร้านค้าตึกแถวที่ดินมานานต้องมีต้นทุนในการดำเนินกิจการมากขึ้นถ้ายังต้องการพื้นที่เดิม หรือทำเลเดิมเพราะเจ้าของต้องการค่าเช่าเพิ่มขึ้นในระดับที่ทุนจีนเสนอมาซึ่งถ้าไม่สามารถให้ได้ก็ต้องออกไป แต่บางครั้งเมื่อเช่าหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์กลับไม่ได้ทำอะไรปล่อยไว้เฉยๆ หรือใช้เป็นที่เก็บของเท่านั้น
กลุ่มทุนจีนบางส่วนลงทุนในธุรกิจอาหารแบบชัดเจน และเป็นเจ้าของตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางอย่างแท้จริง เช่น การเปิดร้านอาหารแบบจีนดั้งเดิมที่ทุกอย่างในร้านมาจากประเทศจีนหมด รวมไปถึงพนักงานในร้านทุกคน อาจจะมีเพียงอาหารสดเท่านั้นที่ซื้อในประเทศไทยและบางครั้งเปิดหลายร้านในบริเวณเดียวกันแต่ใช้ชื่อร้านแตกต่างกันเท่านั้นเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในกาสรสร้างรายได้และเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการซื้อวัตถุดิบเพราะทุกวันต้องซื้อจำนวนมากให้เพียงพอต่อร้านที่เปิดหลายร้าน
ทุนจีนบางส่วนสนใจในธุรกิจผลไม้ มีการเข้าไปซื้อสวนผลไม้ในภาคต่างๆ ของประเทศไทยโดยอาจจะมีการเข้าไปขอซื้อผลไม้ก่อนในเบื้องต้น จากนั้นยื่นข้อเสนอขอร่วมลงทุนด้วย เมื่อเรียนรู้ระบบงานเข้าใจในเรื่องของซัปพลายเชนแล้วก็จะเข้าซื้อกิจการ ซึ่งหลายกลุ่มทุนจีนซื้อกิจการตั้งแต่ต้นทางคือสวนผลไม้ คนงาน บ้านพัก รวมไปถึงเจ้าของสวนผลไม้เดิมที่กลายเป็นลูกจ้างของกลุ่มทุนจีนซื้อกิจการไปถึงปลายทางที่เป็นคนรับสินค้า หรือพ่อค้าแม่ค้าก่อนส่งถึงมือผู้บริโภค หรือผู้ซื้อเจ้าของสวนผลไม้ที่ไม่ยอมขายอาจจะทนอยู่ได้ไม่นานเพราะคนจีนกลายเป็นเจ้าของสวนผลไม้โดยรอบไปแล้ว และอาจจะเสียพันธมิตรทางธุรกิจทั้งระบบขนส่งสินค้า รวมไปถึงพ่อค้าคนกลาง
สุดท้ายต้องจำใจยอมขายสวนผลไม้ของตนเองเพราะไม่มีใครที่เข้ามาทำธุรกิจหรือรับซื้อผลไม้ที่สวนอีกแล้วยกเว้นคนของนายทุนจีน สวนผลไม้จำนวนมากทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้กลายเป็นของคนจีนไปแล้วซึ่งอาจะถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งในรูปแบบของนิติบุคคลภรรยาคนไทย และนอมินี ทุนจีนบางส่วนซื้อ/เช่าแม้กระทั่งแผงขายผลไม้ผักสดในตลาดขนาดใหญ่ และทยอยขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ เพื่อนำสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาขายในตลาดนั้นๆ รวมไปถึงตลาดอาหารสดต่างๆ
ทุนจีนบางส่วนที่เข้ามาในประเทศไทยเข้ามาในรูปแบบของธุรกิจสีเทา หรือสีดำก็มีไม่น้อยเลย เพียงแต่การดำเนินธุรกิจอาจจะไม่ได้มีให้เห็นในประเทศไทยชัดเจน แต่เงินที่ได้จากการทำธุรกิจจะเข้ามาในประเทศไทยจากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนเป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์รูปแบบอื่นๆ ก่อนค่อยนำออกนอกประเทศซึ่งเรื่องนี้อาจจะตรวจสอบได้ยาก
เนื่องจากทุนต่างชาติส่วนใหญ่ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย หรือต้องการอยู่ในประเทศไทยแบบระยะยาวจะมีการจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยเป็นรูปแบบนิติบุคคลไทยแบบถูกต้องตามกฎหมายไทย คือคนไทยถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วนที่มากกว่าคนจีน หรือต่างชาติ เพียงแต่คนไทยที่ถือหุ้นในบริษัทไม่ใช่คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจหรือลงนามในเอกสารบริษัทแต่เป็นคนไทยที่กลุ่มทุนจีนให้เงินและอุปถัมภ์ครอบครัวในระยะยาวเพื่อผลประโยชน์ต่างตอบแทนคืนให้กลุ่มทุนจีนในด้านต่างๆ
กลุ่มทุนจีนที่เข้ามาในประเทศไทยในรูปแบบของการจัดตั้งบริษัท หรือนิติบุคคลสร้างปัญหาให้ธุรกิจแบบไทยๆ พอสมควร ไม่นับการกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่การเข้ามาลงทุนในประเทศไทยพร้อมเงินทุนขนาดใหญ่ที่พร้อมจ่ายทันทีแม้ว่าเงินทุนนั้นจะมีที่มาที่ไม่ชัดเจนก็ตาม เพราะพวกเขาเข้ามาพร้อมทุกอย่างนอกเหนือจากเงินลงทุน คือ มีทั้งคนทำงานในธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมวัตถุดิบในการทำธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงบริการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ และช่องทางในการจัดจำหน่าย
เรียกได้ว่าแทบไม่มีการจ้างงานคนไทยหรือใช้บริการใดๆ ของคนไทยเลยแบบทัวร์ศูนย์เหรียญซึ่งเริ่มเห็นมากขึ้นในธุรกิจร้านอาหารของคนจีน ที่เจ้าของร้านอาหารเป็นคนจีนและมีพนักงานในร้านเป็นคนจีน ซื้อวัตถุดิบจากประเทศจีนหรือจากคนจีน ใช้บริการส่งอาหารผ่านระบบของจีนที่คนจีนนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย เป็นต้น หรือร้านขายส่งสินค้าในย่านสำเพ็ง เยาวราช พาหุรัดที่มีหลายร้านมีเจ้าของเป็นคนจีนไปแล้ว ร้านเหล่านี้อาจจะมีพนักงานขายเป็นคนไทยหรือจากประเทศเพื่อนบ้านที่พูดภาษาไทยได้คล่อง แต่เจ้าของร้านเป็นคนจีนและนำสินค้าเข้ามาจากประเทศจีนซึ่งอาจจะไม่ใช่การนำเข้าแบบที่ผ่านด่านศุลกากร แต่นำเข้ามาด้วยตัวบุคคลผ่านวีซ่านักท่องเที่ยว
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า แม้การเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาจจะยังไม่เห็นมากเมื่อเทียบกับในประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย เพราะผู้ประกอบการจีนที่เข้ามาในประเทศไทยยังเลือกที่จะลงทุนให้สอดคล้องกับกำลังคนซื้อคนไทยโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงกำลังซื้อคนจีนแบบที่คาดคิด สัดส่วนของการซื้อโดยคนจีนในโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการจากประเทศจีนยังไม่เกิน 49% ตามกฎหมาย อาจจะมีที่เกินสัดส่วนที่กำหนดบ้างแต่เป็นการถือครองในรูปแบบของนิติบุคคล หรือที่เรียกกันว่า “นอมินี” หรือที่เป็นข่าวไปในช่วงไม่นานมานี้การเป็นเจ้าของบ้านเกือบทุกหลังในโครงการบ้านจัดสรรราคาแพง หรือการเป็นเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรในประเทศไทยผ่านการพัฒนาโดยบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยตามกฎหมายถูกต้องแบบ 100% แต่รูปแบบการดำเนินธุรกิจและความโปร่งใสนั้นผิดแน่นอน
ทั้งนี้ การเข้ามาของทุนจีนในรูปแบบนี้อาจจะดูเหมือนไม่ใช่การลงทุนขนาดใหญ่แบบที่เห็นในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทุนจีนเข้าไปในหลายประเทศเป็นการเข้าไปลงทุนสร้างอาคารสูง โครงการที่อยู่อาศัยมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ หรือสร้างเป็นเมืองใหม่ขึ้นมาจากที่ดินรกร้างว่างเปล่า รวมไปถึงเข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐบาลประเทศต่างๆ เปิดช่องทางในการลงทุนให้
แม้ว่าการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษรัฐบาลประเทศต่างๆ จะให้ทุนจีนลงทุนเช่าที่ดินระยะยาว แต่ก็ยาวนานมากกว่า 50 ปีขึ้นไปซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าโครงการเสร็จสมบูรณ์คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าทุนจีนหรือเขาเริ่มคิดได้ว่าการลงทุนโครงการนี้สร้างผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าก็อาจจะหยุดการก่อสร้างไปเลยปล่อยให้อาคารที่กำลังก่อสร้างต่างๆ ต้องหยุดชะงักไปทันที
หรือถ้าเป็นการลงทุนในที่ดินขนาดใหญ่ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ จะมีสภาพไม่สมบูรณ์เพราะมีการพัฒนาไปเพียงบางส่วนเท่านั้น โครงการที่อยู่อาศัยหรือการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของกลุ่มทุนจีนในประเทศเพื่อนบ้านนั้นไม่ได้เป็นการพัฒนาเพื่อคนในพื้นที่ แต่เป็นการพัฒนาโครงการขึ้นมาเพื่อรองรับกำลังซื้อของคนจีนเป็นส่วนใหญ่ เพราะคนในประเทศนั้นๆ อาจจะไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เพราะราคาขายสูงกว่ากำลังซื้อของคนในประเทศ
รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ควรมีการเข้มงวด และร่วมกันตรวจสอบแบบบูรณาการ 100% โดยไม่มีช่องว่างหรือช่องโหว่ทางกฎหมายใดๆ ซึ่งแม้ว่าจะทำไม่ได้แบบ 100% แต่ยังเป็นเหมือนการกระตุ้นเตือนให้ทุนจีน และกลุ่มคนไทยที่เกี่ยวข้องกับการทำอะไรแบบนี้เกิดความเกรงกลัวว่าจะโดนตรวจสอบแบบเข้มงวด
ถ้าการจัดการแบบนี้ดูยุ่งยาก และซับซ้อนเกินไป อาจจะจำเป็นต้องเปิดช่องทางให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้แบบเปิดเผย มีการเสียภาษีค่าธรรมเนียมต่างๆ แบบถูกต้องตามกฎหมาย และอาจจะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมหรือมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมจากคนไทย เช่น ต้องถือครองไม่ต่ำกว่า 5 ปีและต้องเสียภาษีพิเศษในกรณีขายอสังหาริมทรัพย์แล้วได้กำไรจากมูลค่าส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อาจจะต้องมากกว่าคนไทย การถือครองผ่านนิติบุคคลต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นนิติบุคคลที่มีการดำเนินกิจการจริงมาไม่น้อยกว่า 3 หรือ 5 ปี
“ไม่ใช่เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทไม่นานแล้วมารับโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงการกำหนดโซนพื้นที่หรือแม้แต่ระดับราคาในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเรื่องเหล่านี้หลายประเทศทำอยู่และทำกันมานานแล้ว การที่ประเทศไทยจะทำบ้างคงไม่แปลก ดีกว่าปล่อยให้กลุ่มทุนจีนหรือชาติใดก็ตามทำอะไรได้ตามที่กฎหมายมีช่องโหว่ หรือตามที่คนไทยเสนอแนะช่องทาง”