นักธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง เผยเบื้องหลังร่วมลงทุน "ย่างให้" หมูกะทะดัง ได้ดีลมาจากรายการดังมาเซตระบบหลังบ้านใหม่ ทำงาน 6 เดือน ลงทุนร่วม 1.2 ล้าน แต่สุดท้ายเจ้าของแบรนด์ขาดการติดต่อ แถมมีผู้เสียหายแฉหลอกลงทุน ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและพร้อมให้ปากคำร่วมกับผู้เสียหาย
วันนี้ (1 เม.ย.) บนโซเชียลฯ แชร์ข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Waruntorn Dangyai" ของนายวรันธร แดงใหญ่ ผู้บริหารบริษัท นิกิวาอิ นักธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง โพสต์ข้อความระบุว่า "เรื่องราวของ “ย่างให้” 6 เดือนสุดท้าย ก่อนเกิดปัญหาฟ้องร้องกันใหญ่โต ความโง่อีก 1 ครั้งในการทำธุรกิจ
ผม และ รายการ Shark Tank เป็นนักธุรกิจกลุ่มสุดท้าย ที่ทำงานร่วมกับ คุณมณฑล ทองคำ เจ้าของแบรนด์ “ย่างให้” แค่ 6 เดือน ลงทุนไปแล้ว 1.2 ล้านบาท บทเรียนความผิดพลาดในการลงทุน
ต้องท้าวความก่อนว่า ผมได้รู้จักกับคุณ มณฑล จากรายการ Shark Tank โดยแบรนด์ย่างให้ได้ดีลมาจาก Shark ท่านนึงในรายการ ที่ได้ปิดดีล ย่างให้ มาในราคา 3 ล้านบาท ได้หุ้น 10% มูลค่าบริษัท 30 ล้านบาท และผมได้ทำหน้าที่ นำแบรนด์ที่ได้ดีลในรายการ ไม่ว่าจะเป็น เตี๋ยวปริญญา ราดหน้าเจ้จ๋อง รวมถึงย่างให้ มาเซทระบบหลังบ้านใหม่ และร่วมทุนด้วย เพื่อนำมาปัดฝุ่น เปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารจัดการทั้งหมด เพื่อสามารถนำขายในตลาดอีกครั้ง ในรูปแบบ Start Up โดยผมได้เจอคุณ มณฑล ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ในการถ่ายทำรายการ
ซึ่งหลังจากวันที่ได้เจอกัน ทางทีมผมได้เข้าไปสำรวจธุรกิจ ว่าสิ่งที่พูดในรายการกับความจริง ตรงกันมั้ย ทั้งยอดขาย สเกลธุรกิจ Asset ต่างๆ ก็ใช้เวลาประมาณนึง ซึ่งพอคุยไปคุยมา ทางคุณมณฑล ได้มีบริษัทอยู่แล้ว ชื่อว่า ย่างให้วิวัฒน์ ที่มีผู้ถือหุ้นหลายคนมาก (ผู้เสียหายทุกคน) รวมถึง คุณมณฑลด้วย แต่ก็พยายามแจกแจงบัญชี คุยถึงหลักฐานเงินเข้าเงินออก เรียกว่าหลังจากสำรวจธุรกิจไปหลายอาทิตย์ แต่อันนี้ชี้แจงรายละเอียดไม่ออก ไม่มีหลักฐานเงินเข้า ค่าใช้จ่าย ใดใดทั้งสิ้น เพราะปรกติถ้าจะเข้ามาบริหารแบรนด์ จะต้องเข้ามาถือหุ้นในบริษัทหลักเลย เลยจำเป็นต้อง ตีมูลค่า แบรนด์ย่างให้ลดลง ในบริษัทใหม่ เป็นสัดส่วนหุ้นที่ 3 ล้านบาท 30 % มูลค่าหายไปประมาณ 3 เท่า และทำการจดจัดตั้งบริษัทใหม่ ชื่อว่า ย่างให้จงเจริญ ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่ เพื่อทำการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทำให้เป็นระบบ เพื่อขายแบรนด์ย่างให้เข้าไปในตลาด
มาทราบภายหลังจากผู้เสียหายว่า ย่างให้วิวัฒน์ จะมาอยู่ใน ย่างให้จงเจริญ 35% ที่ถืออยู่ ซึ่งตามหลักความเป็นจริง คือชื่อของ คุณมณฑล เป็นผู้ถือหุ้น ไม่ใช่ ย่างให้วิวัฒน์ และทางหุ้นส่วนของ ย่างให้จงเจริญ ไม่ทราบในรายละเอียดนี้
ซึ่งระหว่างร่วมธุรกิจ คุณมณฑล ก็ทำงานเต็มที่ เป็นนักคิด Product ที่สร้างแบรนด์ใหม่ คิดแบรนด์ใหม่ตลอดเวลา สิ่งที่เค้าสื่อสารกับผมและทีมงานคือ เป็นคนที่ผิดพลาด เคยมีเงินหาเงินได้เยอะ แต่ด้วยวินัยการใช้เงินที่ไม่มีการวางแผน เลยทำให้เงินที่ได้มาหมดไป และอยากเริ่มต้นใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในรายการ Shark Tank ทั้งหมด ซึ่งทีมงานพร้อมให้โอกาสคนที่พร้อมจะแก้ไข โดยเราได้ลงเงินไป 1.2 ล้านบาท สำหรับปั้นระบบขึ้นมา จนเสร็จพร้อมขายแฟรนไชส์และเริ่มขายไปแล้ว
ซึ่งพอดำเนินธุรกิจไปซักพัก ก็มีข้อมูลที่คุณมณฑลเล่าให้ฟังว่า เคยไประดมทุน ในรูปแบบเหมือนหุ้นกู้ ที่หุ้นละ 2 แสน และจะซื้อคืน ใน 1 ปี ได้ทั้งต้นและดอกเบี้ย ถ้าจำไม่ผิด ราวๆ 10% ต่อปี ซึ่ง ณ ตอนนั้น ยังไม่ครบกำหนดชำระหนี้ กำลังหาเงินไปซื้อหุ้นพร้อมจ่ายดอกเบี้ยคืนอยู่ (ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะเรื่องราวการระดมทุน เกิดขึ้นก่อนรู้จักกัน)
ระหว่างนั้นมีการชวนร่วมทุนในแบรนด์ใหม่ ผัวสี่บะหมี่เสียว ที่รวมผู้ทรงอิทธิพลจากหลากหลายวงการเข้ามาทำแบรนด์ เราก็ได้เป็น 1 ในผู้ร่วมดีลด้วย ได้ลงเงินไปเป็นจำนวนนึงเหมือนกัน เพื่อเป็นผู้ถือหุ้น ในโปรเจคนี้ แต่แบรนด์นี้ แค่เริ่มต้นและไม่ได้ไปต่อ เพราะติดปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ และรายละเอียดภายในหลายสิ่ง เลยหยุดไว้ก่อน
สิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า ระเบิดเวลาของแบรนด์ ย่างให้ กำลังจะมา คือมีการถ่ายทำคลิปวีดีโอ ที่มีคุณมณฑล เป็นคนพูด และช่วงนั้นพอเราเริ่มขายแฟรนไชส์ย่างให้โฉมใหม่ไปได้ประมาณ 1 เดือน ก็มี ผู้เสียหายเริ่มมาโพสถามหาคนในคลิป มี inbox มาบ้างว่าติดต่อคุณมณฑลไม่ได้ เราก็เริ่มเห็นถึงความไม่ปรกติ เราเลยหยุดการโปรโมตขายไปเลยตอนนั้น และทำการสอบถามผู้เสียหายพูดคุยถึงเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด ก่อนหน้าที่เราจะซื้อหุ้น ย่างให้ เพื่อมาบริหาร ว่าแท้จริงแล้ว เป็นมายังไง ก็ต่างแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเยอะมาก เรียกว่าผู้เสียหายคุยกัน
เรื่องราวการฟ้องร้องในวันนี้ เรารู้ล่วงหน้ามาก่อนซักพักแล้ว เนื่องจากได้คุยกับกลุ่มผู้เสียหายมาซักพัก ให้ข้อมูลต่างๆ เราได้รับรู้มาว่า ที่ลงทุน 200,000 และให้ผลตอบแทน 10% ต่อปีคือไม่ใช่ แต่จริงๆคือ 200,000 คืน 400,000 เรียกว่าพอรู้แล้ว ช็อคไปเลย 1 ปี 100%
มีคนถามว่าเราติดต่อคุณ มณฑลได้มั้ย ต้องบอกว่าเราไม่ได้ติดต่อกันซักพักใหญ่แล้ว เพราะพอข้อมูลเรื่องสินค้า และเอกสารการขาย เสร็จ ทางเราก็ได้นำมาบริหารจัดการต่อ และคุณมณฑล ไม่ได้เข้ามาบริหารในส่วนของย่างให้จงเจริญแล้ว
จากเหตุการณ์ทั้งหมด ผมและหุ้นส่วน เป็น 1 ในผู้เสียหายที่ต้องสูญเงินที่ลงทุนทำแบรนด์ย่างให้ไป เป็นมูลค่า 1.2 ล้านบาท ในระยะเวลาประมาณ 6 เดือน เพื่อสร้างระบบ แต่แบรนด์กลับเสื่อมมูลค่า เพราะ Founder ของแบรนด์ทำให้เสื่อมเสีย ส่งผลให้มูลค่าของแบรนด์ “ย่างให้” หมดไป จึงเกิดความเสียหาย ทางผมและหุ้นส่วนยินดีให้ปากคำในความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระดมทุนใดๆ ของ คุณมณฑล ทองคำ เป็นการเข้ามาบริหารและร่วมหุ้นแบรนด์ “ย่างให้จงเจริญ” โดยสุจริต และดำเนินธุรกิจอย่างมี ธรรมาภิบาล เสมอมา พร้อมชี้แจงและให้ปากคำกับผู้เสียหายท่านอื่น และให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ต่อรูปคดี และจะทำการฟ้องร้องตามสิทธิ์ที่พึงกระทำได้"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 มี.ค. กลุ่มผู้เสียหายจากแฟรนไชส์หมูกระทะชื่อดัง "ย่างให้" เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. เนื่องจากถูกนายมณฑล ทองคำ เจ้าของแฟรนไชส์ย่างให้หลอกลวงลงทุน แต่ไม่จ่ายเงินปันผลและถอนหุ้นไม่ได้ โดยที่ผ่านมานายมณฑลมีพฤติการณ์เดินสายออกสื่อมวลชนหลายรายการ ทั้งโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ต่างๆ พร้อม ให้สัมภาษณ์ว่าธุรกิจประสบความสำเร็จ เปิดสาขามากกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงนำภาพศิลปิน ดารา นักแสดงชื่อดังหลายคนมาโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า มีคนดังชื่นชอบแบรนด์ของตัวเอง และมาร่วมลงทุนธุรกิจจำนวนมากและประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คนหลงเชื่อเข้ามาลงทุน ทำให้กลุ่มผู้เสียหายเชื่อใจนำเงินมาร่วมลงทุน
แต่เมื่อนำเงินมาลงทุนแล้ว กลับไม่ได้เงินปันผล ไม่แบ่งผลกำไร และไม่พบการดำเนินกิจการต่างๆ ตามที่คุยกันไว้ และเมื่อผู้เสียหายมีการสอบถามกลับถูกลบออกจากไลน์กลุ่ม ซึ่งจากการตรวจสอบจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าธุรกิจจดทะเบียนจริง แต่เจ้าของแบรนด์ ไม่ได้ใส่ชื่อผู้เสียหายบางรายเข้าไปในรายชื่อผู้ถือหุ้นตามที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งปัจจุบันเจ้าของแบรนด์ปิดเฟซบุ๊กส่วนตัวและเพจเฟซบุ๊กไปแล้วทำให้ติดต่อไม่ได้ จากการรวบรวมกลุ่มผู้เสียหายมี 13 คนที่หลงเชื่อคำโฆษณาและเข้าร่วมลงทุน ยอดความเสียหายเบื้องต้นกว่า 4,000,000 บาท เฉลี่ยรายละตั้งแต่ 200,000-1,000,000 บาท และคาดว่าอาจจะมีผู้เสียหายเพิ่มอีก