คนในแวดวงท่องเที่ยวอธิบายเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ชี้คนไทยเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่มายุคหลังโควิดยังไม่มีร้านชอปปิ้งเปิดใหม่ แถมคนจีนมาเที่ยวเองก็มี แต่ที่น่ากังวลคืออดีตไกด์จีนแอบมารับงานเอง หวั่นทิ้งนักท่องเที่ยวเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
วันนี้ (14 มี.ค.) บนโซเชียลฯ มีการแชร์ข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับการกลับมาของทัวร์จีน ระบุว่า เริ่มมีคนไทยที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับทัวร์ต้นทุนต่ำจากจีนมาวิจารณ์และตัดสินว่าเริ่มกลับมา และคนไทยไม่ได้อะไรเลย ซ้ำยังต้องรับของเสียจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไว้จัดการกำจัดอีก ตนจึงขออธิบายเกี่ยวกับทัวร์ที่เรียกกันว่าทัวร์ศูนย์เหรียญดังนี้
1. บริษัททัวร์จากจีน จะหานักท่องเที่ยวขายทัวร์ให้ในราคารวมเกือบทุกอย่างในราคาที่ถูกมาก เช่น เที่ยวภูเก็ต-กระบี่ เกาะพีพี ในราคา 12,000-15,000 บาท ในเวลา 5 วัน 4 คืน
2. สายการบิน มีบริษัทเฉพาะเช่าเหมาลำบินจากจีนมาลงที่สนามบินกระบี่ เพราะค่าสนามบินถูกกว่าสนามบินภูเก็ต แต่ขากลับบินจากสนามบินภูเก็ต สัปดาห์หนึ่งมี 3-4 รอบ ตามแต่โปรแกรมทัวร์ จึงได้ราคาถูกกว่าสายการบินหลัก
3. ส่วนโรงแรมใช้วิธีจ่ายเงินซื้อเหมาห้องรายปี ราคาได้ถูกและเป็น Flat rate คือราคาคงที่ เช่น จ่าย 1 ล้านบาท ได้ 500 ห้องต่อคืนพร้อมอาหารเช้าตลอดทั้งปี
4. ที่เที่ยวตามโปรแกรมมีครบ แต่จะมีวันชอปปิ้ง 1 วัน บังคับไปลงกับร้านที่มีสัญญาไว้ ร้านค้ามีแย่งลูกค้ากัน โดยการให้บริษัทจีนและไกด์จีนกู้เงิน
5. เวลาเดินโปรแกรมทัวร์ จะมีร้านอาหารที่ต้องลง จะมีทั้งร้านคนไทยท้องถิ่น ร้านอาหารคนจีนในร้านชอปปิ้ง รวมถึงร้านอาหารในดิวตี้ฟรีแห่งหนึ่ง รวมทั้งร้านอาหารบนเกาะพีพี เกาะเฮ ที่เป็นของคนท้องถิ่นล้วนๆ อีกด้วย
6. ทัวร์แบบนี้จะมีช่วงเวลาฟรี ให้นักท่องเที่ยวถามไกด์เองว่าจะไปไหนได้บ้าง ส่วนใหญ่จะพาไปตลาดนัด ถนนคนเดิน หรือขายการแสดง (โชว์) ที่ไม่ได้รวมกับในโปรแกรมและเวลาตรงกับช่วงว่าง
สรุป การตัดสินว่าคนไทยไม่ได้เงินเลยกับทัวร์ต้นทุนต่ำ เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก เพราะโรงแรมส่วนใหญ่ ระดับ 4-5 ดาวเป็นของคนไทย ส่วนโรงแรมเชนที่มีชื่อเสียงเป็นของต่างชาติ ซึ่งไม่มีใครตำหนิเลย
ค่าอุทยานเกาะพีพี 400 บาทต่อคน เข้าส่วนราชการเต็มๆ
สถานที่ทัวร์ลง เช่น ขี่ช้าง โชว์จระเข้ สวนผลไม้ ฯลฯ ก็เป็นของคนไทยทั้งนั้น
ร้านชอปปิ้งขายสมุนไพร ขายรังนก ขายยางพารา ก็สินค้าของไทย ถึงแม้เจ้าของร้านจะเป็นคนจีน ก็ต้องสั่งสินค้าจากผู้ผลิตคนไทยทั้งนั้น
ค่าอาหารตามร้าน ต่อให้เป็นร้านคนจีน ของสดก็ซื้อกับเกษตรกรไทย ที่พ่อค้าคนกลางรับมาขายตามตลาดสดนี่แหละ
ค่ารถบัสและคนขับ งานหนึ่ง 5 วันรับอยู่ประมาณ 7,000-10,000 บาท ก็คนไทยทั้งนั้น
ไกด์คนไทยที่ไปนั่งตามทัวร์ รับกันอยู่ 8,000-12,000 บาท ไม่รวมทิป ค่าคอมมิชชัน ก็คนไทยเช่นกัน
ยังมีคนท้องถิ่นในเส้นทางที่ทัวร์ผ่าน ยกตัวอย่าง ร้านผลไม้ ระหว่างทางกระบี่มาภูเก็ต รถบัสลงจอดที รับกันหลายพันบาท ยังเอาเงินมายัดใส่มือไกด์คนไทย 200-300 บาทเลย
ทั้งยังมีร้านรถเข็นใกล้ๆ โรงแรมที่พัก ร้านของกินตามตลาดนัดต่างๆ อีกในช่วงปล่อยอิสระ น้ำมะพร้าว มะม่วงปั่นแก้วละ 30-40 บาทขายดีมาก
การจะฟันธงว่าคนไทย ธุรกิจในประเทศไทย ไม่ได้เงินเลยจากการท่องเที่ยวทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น คงจะเป็นการตัดสินโดยไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง
ข้อมูลทั้งหมดคือช่วงก่อนโควิด และเป็นช่วงก่อนการ Disruption ทางเทคโนโลยี การตื่นตัวทางธุรกิจออนไลน์และโซเชียลมีเดีย
ข้อมูลด้านลบกันบ้าง เนื่องจากเป็นทัวร์ต้นทุนต่ำ การจะหากำไร จึงหาได้จากค่าคอมมิชชันในการขายของตามร้านชอปปิ้งต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีนมาลงทุนเอง เช่น ร้านที่นอนยางพารา ร้านรังนก ร้านเพชร ร้านกระเป๋าหนังจระเข้และนาฬิกา เป็นต้น
ราคาสินค้าร้านพวกนี้จะสูงเกินจริงทั้งนั้น อีกทั้งไกด์คนจีน หัวหน้าทัวร์ที่รับงานมา ต้องมีการจ่ายเงินล่วงหน้าให้กับบริษัททัวร์ในจีน จึงต้องเข้าข่ายหว่านล้อม บังคับขู่เข็นนักท่องเที่ยวจีนให้เข้าร้านเหล่านี้ แต่ทั้งนี้ลูกค้าจะซื้อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวเอง
ไกด์คนจีนบางคนจะหน้ามืดหน่อย เพราะจะเจ๊งแล้ว จึงบังคับให้นั่งในรถบัสไม่มีการเปิดแอร์ จนกว่านักท่องเที่ยวจะลงมาซื้อของสักอย่างถึงจะไปต่อได้ก็มี ไกด์คนจีน จะแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งค่าตัวไกด์ไทยและคนขับรถบัสด้วย
แต่ไกด์จีน หัวหน้าทัวร์จีนดีๆ ก็มีเยอะ แต่ทุกคนจะเข้าโหมดเครียด เมื่อทัวร์กรุ๊ปนั้น ซื้อของไม่ตามเป้า
ปัจจุบัน ความกังวลว่าทัวร์ศูนย์เหรียญจะกลับมาก็เป็นไปได้ แต่อยากให้สังเกตที่ตรงนี้
1. ร้านชอปปิ้งยังไม่เปิดใหม่ ในภูเก็ตยังไม่เห็น เหลือแต่ของคนไทยเจ้าใหญ่ๆ เช่น คิงเพาเวอร์, เจมส์แกลอรี
2. นี่คือยุคโซเชียลมีเดีย คนจีนตามข่าวสารจากไทยเยอะมาก บ่อยมาก ทันเหตุการณ์มากด้วย มาเที่ยวเองได้
3. ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากจีน 4 รูปแบบโดยประมาณ
3.1 มาเที่ยวเอง FIT (Free Individual Traveler หมายถึง นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพักตามลำพัง)
3.2 ทัวร์แพกเกจกรุ๊ปเล็กๆ 1 รถตู้ ซื้อทัวร์ 5 วัน 4 คืน ราคาพร้อมที่พัก รถรับ-ส่งสนามบิน ทัวร์เกาะ 1 วัน
3.3 ทัวร์กรุ๊ปใหญ่ อาจเป็นทัวร์ต้นทุนต่ำก็ได้
3.4 ทัวร์ Reward เป็นบริษัทหรือโรงงานในจีน พาพนักงานมาท่องเที่ยวเชิงสัมมนา ให้รางวัลจากการทำงาน กลุ่มนี้นำรายได้เข้าประเทศดีที่สุด
ความน่ากังวลตอนนี้จริงๆ ไม่ใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะทำไปก็ขาดทุน แต่ที่น่ากังวลจริงๆ คือ อดีตไกด์จีน ที่มีประสบการณ์ทำงานที่ภูเก็ตหรือจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ในประเทศไทย แอบมารับงานเอง เช่น ขับรถรับนักท่องเที่ยวเอง เป็นไกด์เอง โดยไม่จ้างไกด์ไทยอีกต่อไป
โดยคนจีนพวกนี้จะเจาะจงรับนักท่องเที่ยวจีน จากทัวร์กลุ่มที่ 1 และ 2 อันนี้จะควบคุมยากมาก เพราะเจ้าหน้าที่เราไม่มากพอ ไกด์ที่อยู่หน้างาน เห็นก็ทำได้แค่บ่น ไม่สะดวกถ่ายคลิป ถ่ายรูป แจ้งเข้ามาที่สมาคมฯ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ อาจจะติดงาน เลยไม่สะดวกก็เป็นได้
มาตรการของรัฐก็เป็นรูปแบบเดิมๆ คือรอให้แจ้งเข้ามา หลายครั้งก็ล่าช้าเกินไป ต้องรอจับในครั้งหน้า จึงยังควบคุมไม่ได้
คนจีนที่มาลักลอบทำงานเหล่านี้ เป้าหมายคือการมาหาเงินจากคนจีนด้วยกัน ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา มั่นใจว่าหนีและทิ้งนักท่องเที่ยวแน่นอน เพราะเคยสะท้อนนิสัยออกมาในช่วงทัวร์ศูนย์เหรียญมาแล้ว น่ากังวลจริงๆ
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่