หลายสัปดาห์แล้วที่หุ้นกลุ่มบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART กอดคอกันร่วง ราคาทยอยสร้างจุดต่ำสุดในรอบ 12 เดือนกันเป็นว่าเล่น ทำให้นักลงทุนที่ถือหุ้นไว้ซึมเศร้าตามๆ กัน
หุ้นกลุ่ม JMART มีทั้งหมด 5 บริษัท โดยอีก 4 บริษัทในเครือประกอบด้วย บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ตเวอร์ด เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J และบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC
กลุ่ม JMART มีข่าวดีกระตุ้นราคาหุ้นต่อเนื่องมาหลายปี โดยเฉพาะปี 2564 สร้างพันธมิตรกับกลุ่มธุรกิจทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก จนเป็นปีแห่งการขยายเครือข่าย จับมือกับพันธมิตรกลุ่มธุรกิจต่างๆ และถูกคาดหมายถึงแนวโน้มการเติบโตที่สดใส
ราคาหุ้นวิ่งกันยกกลุ่ม โดยเมื่อมีข่าวดีจากหุ้นตัวไหนในกลุ่มราคาทะยานขึ้น นักลงทุนจะแห่เข้าไปไล่ซื้อหุ้นในกลุ่ม JMART ตัวอื่นๆ จนขยับขึ้นยกกลุ่ม เช่นเดียวกับหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ เอกธนกิจ จำกัดหรือ FIN-1 ของนายปิ่น จักกะพาก ในอดีต
แต่ขณะที่ราคาหุ้นอยู่ในภาวะร้อนแรง นักลงทุนรายย่อยแห่กันเข้าไปเก็งกำไร ผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่ม JMART ได้ทยอยขายหุ้นออก
และเมื่อเข้าสู่ปี 2565 หุ้นกลุ่ม JMART ก็เริ่มออกอาการทรุดหนัก ราคาปรับตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่ผลประกอบการหลายบริษัทในกลุ่มไม่เป็นไปตามความคาดหมาย โดยเฉพาะ JMART ที่ผลกำไรทรุดลง เมื่อเทียบกับปี 2564
ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา หุ้น JMART เคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 64 บาท แต่ล่าสุดวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ราคาลงมาสร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่ 27.25 บาท สอดคล้องกับผลประกอบการปี 2565 ที่ชะลอตัวลง โดยมีกำไรสุทธิ 1,794.96 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 2,467.59 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช JMART อยู่ที่ 29.50 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.73% จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมีทั้งสิ้น 14,135 ราย
หุ้น JMT ในรอบ 12 เดือนเคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 88.25 บาท และลงมาต่ำสุดที่ 42 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนกระเตื้องขึ้นปิดล่าสุดที่ 45.75 บาท ส่วนผลประกอบการปี 2565 เติบโต โดยมีกำไรสุทธิ 1,745.57 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,400.37 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช JMT อยู่ที่ 38 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.37% มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 9,448 ราย
หุ้น J รอบ 12 เดือนราคาเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 5.62 บาท ต่ำสุดที่ 3.38 บาท ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมาภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดปิดที่ 3.58 บาท ส่วนผลประกอบการปี 2565 เติบโตขึ้น โดยมีกำไรสุทธิ 522.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 383.59 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช J อยู่ที่ 20 เท่า อัตราเงินปันผลตอบทาน 0.81% โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 4,947 ราย
หุ้น SINGER รอบ 12 เดือนราคาเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 59.25 บาท ต่ำสุดที่ 16.70 บาท ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ 17.30 บาท โดยผลประกอบการปี 2565 เติบโตขึ้น มีกำไรสุทธิ 935.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 760.59 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช SINGER อยู่ที่ 15.98 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.07% ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีจำนวน 8,005 ราย
และหุ้นบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ในรอบ 12 เดือนราคาเคยขึ้นสูงสุดที่ 5.50 บาท ต่ำสุดที่ 3.46 บาท ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และปิดล่าสุดที่ 3.60 บาท ขณะที่ผลประกอบการปี 2565 ชะลอตัวลง โดยมีกำไรสุทธิ 467.02 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 593.03 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช SGC อยู่ที่ 18.33 เท่า อัตราผลตอบแทน 2.94% จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 7,141 ราย
ผู้ถือหุ้นรายย่อยหุ้นกลุ่ม JMART มีจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 43,676 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ตกเป็นผู้เสียหาย เพราะราคาหุ้นกลุ่ม JMART ที่เฮโลสาระพาพากันรูดลง และหลายตัวทรุดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่เคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดในรอบ 12 เดือน
กลุ่ม JMART ถูกสร้างภาพไว้สวยหรู เป็นกลุ่มที่ร่ำรวยพันธมิตรทางธุรกิจ แนวโน้มเติบโตสดใส และทยอยแต่งตัวนำบริษัทลูกเข้ามาระดมเงินในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีนักลงทุนจำนวนมากนำเงินร่วมสมทบทุนหุ้นกลุ่มนี้
รอบนี้หุ้นกลุ่ม JMART ตายยกเครือ พานักลงทุนเกือบครึ่งแสนรายตายไปด้วย