นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (16 ก.พ.) ที่ระดับ 34.23 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.31 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.50 บาท/ดอลลาร์ โดยรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) สหรัฐฯ ในเดือนมกราคม ที่ขยายตัว +3.0% จากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าที่ตลาดคาด ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนัก ทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.28% อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกจำกัดด้วย ความกังวลแนวโน้มเฟดอาจจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่าการอ่อนค่าลงของเงินบาทจนเกือบแตะระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมานั้นมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว โดยเฉพาะในช่วงราคาย่อตัวใกล้โซนแนวรับสำคัญ นอกจากนี้ ฟันด์โฟลส์นักลงทุนต่างชาติยังเป็นฝั่งขายสุทธิ (ยกเว้นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ)
ทั้งนี้ เราประเมินว่าแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อค่าเงินบาทจะยังคงมีอยู่ ท่ามกลางธีม "แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยเฟดยังไม่จบง่ายๆ" แต่ "การขึ้นดอกเบี้ยของไทยอาจใกล้จบแล้ว" นอกจากนี้ การอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านสำคัญของเงินบาท ทำให้ในเชิงเทคนิเคิลค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าต่อจนทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ผู้เล่นในตลาดที่ปรับสถานะมาเป็นฝั่ง Long USDTHB (มองเงินบาทอ่อนค่า) อาจรอจังหวะ ขายทำกำไรแถว 34.75-35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ ทำให้ค่าเงินบาทในช่วงนี้มีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้มาก
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงสดใส ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ส่งผลให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องใกล้ระดับ 3.80% ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงรอซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะย่อตัว ทำให้การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้รุนแรงมาก หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดและหนุนโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 103.8 จุด (ในระหว่างวันแตะจุดสูงสุดเหนือระดับ 104 จุด ก่อนย่อตัวลงมาบ้าง) ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ทั้งนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้กดดันไม่ให้เงินดอลลาร์แข็งค่าไปได้ไกลนัก ซึ่งสะท้อนมุมมองของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่รอทยอยขายทำกำไรการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ (Sell on Rally) ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ย่อตัวลงต่อเนื่อง ก่อนที่จะแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 1,848 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่าในจังหวะที่ราคาทองคำย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับแถว 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงทยอยเข้ามาซื้ออยู่บ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้างเช่นกัน
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก และว่างงานต่อเนื่อง (Initial Jobless Claims & Continuing Jobless Claims) โดยเราคงมองว่า ธีมของตลาดอาจยังเป็น “Very good economic data = Bad news for the market” หรือหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดมากอาจทำให้ตลาดกังวลว่าเฟดยังไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรือหยุดขึ้นดอกเบี้ยได้ง่ายๆ ซึ่งมุมมองดังกล่าวอาจกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินได้ อย่างที่ตลาดการเงินโดยเฉพาะในฝั่งตลาดค่าเงินและตลาดบอนด์เผชิญมาโดยตลอดในสัปดาห์นี้
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB และบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของ ECB และเฟด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของทั้งฝั่งยูโรโซนและสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาต่างออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่