ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนค้นหาเพื่อต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เนื่องจากด้วยความชื่นชอบความเป็นชนชาติไทย มีวัฒนธรรมที่ดีงาม ธรรมชาติที่สวยงาม และไม่เลือกปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย และคนจีนยังนิยมที่จะลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่เปิดให้ต่างชาติได้มีสิทธิในการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 49
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA) บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า ในเคสของ "ห้วยขวาง ไชน่าทาวน์ใหม่" ที่ถูกจุดพลุขึ้นมากลายเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมาก เนื่องจาก "ห้วยขวาง ไชน่าทาวน์ใหม่" อาจจะไม่มีความเป็นจีนเหมือนที่ "ไชน่าทาวน์ เยาวราช" แต่ก็พอทำให้เห็นภาพว่า เมื่อ "ทุนจีน" และ "ประชากร" ที่ไหลทะลักเข้าสู่ประเทศไทยอาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างธุรกิจในระยะยาวได้
ในกรณีการเพิ่มขึ้นของคนจีนในย่านห้วยขวาง สร้างความคึกคัก และสีสันให้ย่านนี้มาหลายปีแล้ว แต่สร้างผลกระทบให้ธุรกิจหรือกิจการเล็กๆ ของคนไทยไม่น้อย เพราะคนจีนมีเงินทุนที่พร้อมใช้ทันที สามารถซื้อตึกแถว อาคารพาณิชย์ในพื้นที่ได้ทันที ส่งผลให้ราคาเพิ่มขึ้น ค่าเช่าพื้นที่ตึกแถวก็แพงขึ้นจนกิจการหรือร้านค้าคนไทยที่เคยเช่ากันมานานๆ อยู่ไม่ได้ต้องปิดกิจการหรือเลิกไปเพราะจ่ายค่าเช่าไม่ไหว ร้านค้า ร้านอาหารในพื้นที่ใช้คนงานหรือพนักงานที่เป็นคนจีน หรือต่างชาติเกือบทั้งหมด
บางคน "ไม่ทำตามกฎระเบียบ" หรือขาดการรักษาความสะอาดในพื้นที่ชุมชนสร้างผลกระทบพอสมควร ต้องให้หน่วยงานราชการในพื้นที่เข้ามาเป็นตัวกลงในการจัดการ การประกาศย่านห้วยขวางเป็นไชน่าทาวน์ของสำนักงานเขตห้วยขวางอาจจะสร้างความงุนงงให้ชาวต่างชาติในกรณีที่จะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะไม่มีส่วนประกอบของความเป็นไชน่าทาวน์แบบเยาวราชในย่านนี้เลย ไม่มีศาลเจ้า หรือโบราณสถานที่มีสถาปัตยกรรมเป็นจีน มีแต่ร้านอาหารจีน ร้านค้า กิจการของคนจีน และคนจีนเท่านั้นที่แสดงออกถึงความเป็นจีน
จับตา! คนจีนต้องการซื้อบ้านราคาแพง
คนจีนกลุ่มที่อยู่ในห้วยขวางนอกจากจะพักอาศัยในตึกแถว อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียมในพื้นที่แล้ว ยังมีความต้องการซื้อบ้านพร้อมที่ดินในทำเลอื่นๆ ด้วย เพราะหลายคนเปิดกิจการในรูปแบบของ "นิติบุคคลไทย" (นอมินิแอบแฝง) ตามกฎหมายประเทศไทย หรือแต่งงานมีครอบครัวกับคนไทยมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพราะพวกเขาสามารถเป็นเจ้าของตึกแถว และอาคารพาณิชย์ริมถนนได้เลย การซื้อบ้านเดี่ยวราคาแพง หรือบ้านหรูจึงเป็นอีก 1 เป้าหมายของคนจีนที่ทำธุรกิจในย่านนี้ ทั้งในทำเลใกล้เคียง เช่น แถวพระราม 9 พัฒนาการ หรือบางนา-ตราด พระราม 2 เป็นต้น เพราะสามารถถือครองในนามนิติบุคคลหรือในนามของภรรยาคนไทย หรือถ้าพวกเขามีบัตรประชาชนไทยยิ่งสะดวกมากขึ้น แม้ว่าช่องทางในการได้มากอาจจะไม่เป็นไปตามกฎหมายแบบ 100% ก็ตาม
แต่ต้องยอมรับว่าการเข้ามาของคนจีนในย่านห้วยขวาง มีทั้งผลดีและผลเสีย เพียงแต่ต้องมีการปรับตัวเข้าหากัน และอยู่ร่วมกันให้ได้ในระยะยาว อีกทั้งการพยายามหาช่องทางที่ไม่ตรงไปตรงมาเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยของคนจีนบางส่วนแล้ว (อย่างกรณี "นายตู่ห้าว" ที่กว้านซื้อบ้านเดี่ยวหรูในโครงการของบริษัทอสังหาฯ รายหนึ่ง จนนำไปสู่การตรวจสอบในเรื่องแหล่งที่มาของเงิน และการขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับการครอบครอง) ได้สร้างปัญหา รวมไปถึงก่อให้เกิดกระแสการตรวจสอบอย่างเข้มงวด น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สามารถเตือนใจพวกเขาได้เป็นอย่างดี
ปริมาณคนจีนทำงานในไทยแซงหน้าญี่ปุ่น
ทั้งนี้ จำนวนของคนจีนที่ขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยนั้น แสดงให้เห็นว่า มีคนจีนจำนวนไม่น้อยทำงานในประเทศไทยแบบถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา จำนวนของคนญี่ปุ่นที่ได้ใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยจะมากเป็นอันดับที่ 1 มาโดยตลอด แต่จำนวนของคนจีนที่ได้ใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยก็มากขึ้นเรื่อยๆ โดยจำนวน ณ เดือนธันวาคม พ.ศ.2565 อยู่ที่ 28,530 คน มากกว่าคนญี่ปุ่น 900 คนแล้ว จากที่ช่วง พ.ศ.2561 คนจีนน้อยกว่ามากถึง 7,805 คน แสดงให้เห็นว่า จำนวนคนจีนที่เข้ามาทำงานหรือทำธุรกิจในประเทศไทยมีมากขึ้นต่อเนื่อง และเมื่อรัฐบาลประเทศจีนยกเลิกการกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศจีน ยิ่งส่งผลให้เกิดการเดินทางออกนอกประเทศจีนมากขึ้น แม้ว่าอาจจะยังติดขัดในเรื่องของเที่ยวบินที่ยังน้อยอยู่ หรือค่าโดยสารที่แพงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แต่จะมีจำนวนของคนจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น รวมไปถึงคนที่ต้องการเข้ามาทำงา ทำธุรกิจ หรือเปิดกิจการต่างๆ และห้วยขวางน่าจะเป็น 1 ในเป้าหมายสำคัญของคนจีน
REIC ชี้จีนครองส่วนแบ่งตลาดคอนโดฯ
พบ 5 ปีที่ผ่านมา ยอดโอนห้องชุดทะลุ 1.24 แสนล้าน
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศว่า หากพิจารณาในภาวะการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติสะสมในช่วง 9 เดือน ปี 2565 (ม.ค.-ก.ย.) พบว่ามีจำนวน 7,290 หน่วย เพิ่มขึ้น 19.0% มูลค่า 36,986 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.3% แสดงให้เห็นว่าตลาดห้องชุดคนต่างชาติในภาพรวมน่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นแล้ว และการซื้อห้องชุดของคนต่างชาติในช่วงก่อนหน้าได้มีการรับโอนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในรอบ 9 เดือน ชาวจีนเป็นสัญชาติที่มีการโอนห้องชุดมากที่สุดทั่วประเทศ จำนวน 3,562 หน่วย สัดส่วนสูงถึง 48.9% ของหน่วยทั้งหมด มูลค่าโอน 17,943 ล้านบาท สูงถึง 48.5% ของมูลค่าทั้งหมด แต่เป็นที่น่าสังเกต มีกลุ่มของชาวพม่าที่มีมูลค่าการโอนสูงจำนวน 1,342 ล้านบาท คิดเป็น 3.6% เป็นต้น
"จีนเปิดประเทศเป็นปัจจัยบวกที่ดีสำหรับตลาดห้องชุดในประเทศไทย แต่ที่ผ่านมา สัดส่วนของหน่วยและมูลค่าการโอนชาวจีนลดลงต่ำกว่าร้อยละ 50 ในปี 2565 จากเดิมสูงสุดถึงกว่าร้อยละ 60 ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจของจีนได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ประเทศ รวมถึงผลกระทบจากวิกฤตอสังหาฯ ในประเทศจีน และนโยบายเศรษฐกิจจีนที่จะมุ่งเน้นการบริโภคในประเทศมากขึ้น ดังนั้น คาดว่าอสังหาฯ จะได้รับผลดีอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2566" ดร.วิชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลฯ ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับต่างชาติซื้อและโอนคอนโดฯ ในไทย พบว่า นับตั้งแต่ปี 2561-2565 (5 ปี) พบว่า ในปี 61-62 หน่วยโอนจะสูงระดับเกิน 1.3-1.2 หมื่นหน่วย มูลค่าการโอนไม่ต่ำกว่า 57,251 ล้านบาท และ 50,610 ล้านบาท ตามลำดับ ก่อนที่จะปรับลดลงทั้งจำนวนหน่วย และมูลค่าการโอนในปี 63-64 ดังนั้น หากพิจารณา ช่วง 5 ปี ต่างชาติมาชอปคอนโดฯ ในไทยไปแล้วรวม 50,000 หน่วย มูลค่ากว่า 230,329 ล้านบาท พบลูกค้าชาวจีนมีมูลค่าการโอนสูงกว่า 124,000 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 50%
บทสรุป "เรื่องห้วยขวาง ไชน่าทาวน์ใหม่" อาจจะเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าติดตาม แม้จะไม่เหมือนในบางประเทศที่มีการให้สัมปทานธุรกิจจากจีนเข้าไปพัฒนาเมืองตามชายทะเล แต่เราอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเข้ามาของชาวจีน และรวมถึงต่างชาติประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาทำธุรกิจ ท่องเที่ยว พักอาศัย และอยู่อาศัย เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่เราจะสามารถดึงรายได้เข้าสู่ประเทศไทย โดยการท่องเที่ยวเป็นหัวจักรที่สำคัญในการมีส่วนกระตุ้นการเติบโตของประเทศไทยในขณะนี้