“สนธิ” ชี้การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน เป็นความหวังพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยปี 2566 หลังจีนเปิดประเทศ ยกเลิกนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ขณะที่ไทยเปิดรับพร้อมอำนวยความสะดวกโดยไม่เลือกปฏิบัติ จนชาวจีนประทับใจ และไทยกลายเป็นจุดหมายอันดับหนึ่ง ขณะที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะเลิกกลัวโควิดได้แล้ว
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ กล่าวถึงบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงวันตรุณจีนปี 2566 นี้ ว่า คึกคักมากที่สุดในรอบสามปี เพราะว่าชาวจีนสามารถเดินทางออกไปต่างประเทศได้โดยไม่มีข้อจำกัด โดยรัฐบาลจีนอนุญาตให้พลเมืองจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม และผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนก็ไม่ต้องกักตัวเช่นกัน เป็นการยกเลิกมาตรการ "โควิดเป็นศูนย์" (Zero-COVID) ที่ทางการจีนใช้อย่างเข้มงวดมานาน 3 ปีหลังการระบาดโควิด-19
หลายประเทศหวังการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่บางประเทศยังหวาดระแวงว่าโรคระบาดระลอกใหม่จะมาพร้อมกับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นประเทศที่อยู่ในเครือข่ายของทางตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา อิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศส ซึ่งประเทศเหล่านี้ตั้งเงื่อนไขให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน ไม่ว่าจะมีสัญชาติใด ต้องแสดงผลการตรวจ PCR ก่อนเดินทาง 48 ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงแล้วก็ยังต้องตรวจหาเชื้อที่สนามบินอีกครั้ง หากพบว่าติดเชื้อโควิด ต้องกักตัว 5-7 วัน ส่วนประเทศโมร็อกโก มาแหวกแนว ห้ามนักเดินทางจากประเทศเข้าประเทศอย่างสิ้นเชิง
ประเทศไทย ช่วงแรกก็มีดรามาเรียกร้องให้ระวังนักท่องเที่ยวจีนจะนำเชื้อโควิดเข้ามา จะทำให้เกิดการระบาดในประเทศอีกครั้ง แต่ว่าประเทศไทยไม่ได้ตั้งข้อจำกัดใดๆ กับนักท่องเที่ยวจีน โดยใช้มาตรฐานเดียวกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทุกประเทศเข้าประเทศไทย ที่ไม่มีการตรวจอะไรทั้งสิ้น คือเราไม่เลือกปฏิบัติ
จนถึงตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วนับหมื่นคน แต่ยังไม่มีการระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย นี่แสดงว่าการที่เราไม่ตั้งเงื่อนไขกับนักท่องเที่ยวจีนนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ความสัมพันธ์ประเทศไทย กับ ประเทศจีน เริ่มดีขึ้นอย่างมากมาย จีนชื่นชมที่ไทยต้อนรับอบอุ่น ขนาดที่เอานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตีรว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปร่วมต้อนรับนักเดินทางจากประเทศจีนเที่ยวบินแรก ในวันที่ 9 มกราคม คลิปการต้อนรับนั้นกลายเป็นไวรัลไปทั่วประเทศจีน ชาวจีนต่างชื่นชมการต้อนรับของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทย เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรการของประเทศอื่น
สถานีโทรทัศน์ CGTN ของทางการจีน ระบุว่า ประเทศไทยสามารถปรับเปลี่ยนมาตรการให้เหมาะสมตามสถานการณ์ โดยที่ข้อเท็จจริงแล้ว นักท่องเที่ยวจีนทุกคนเขาต้องมีผลการตรวจ PCR ก่อนขึ้นเครื่องบินอยู่แล้ว ซึ่งเป็นมาตรการของสายการบินเอง เพราะฉะนั้นการตรวจเชื้ออีกครั้งที่สนามบินปลายทางไม่มีความจำเป็น
จีนข้องใจที่บางประเทศใช้มาตรการเฉพาะเจาะจงกับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน ซึ่งจีนถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้กลับ เช่น การยกเลิกวีซ่าเข้าประเทศของคนเกาหลีและ ญี่ปุ่น
ขณะที่ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในปลายทางยอดนิยม เพราะชาวจีนระแวดระวังในการเดินทางมากขึ้น ทุกคนคำนึงถึงสุขภาพและการรักษาพยาบาล หากเจ็บป่วยระหว่างท่องเที่ยว คนจีนก็เลยเลือกเที่ยวประเทศที่เดินทางไม่ไกลนัก และมีระบบการรักษาที่ดี เช่น ประเทศไทย ที่สำคัญชาวจีนหลายคนบอกว่า จะเลือกไปยังประเทศที่ไม่มีการกีดกันนักท่องเที่ยวจีน
นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า ประเทศที่เป็นมิตรอย่างประเทศไทย สิงคโปร์ กัมพูชา อินโดนีเซีย มัลดีฟส์ ต้อนรับชาวจีนอย่างอบอุ่น ในขณะที่ประเทศเพียงหยิบมือหนึ่ง ใช้มาตรการกีดกันชาวจีน จีนก็เลยใช้มาตรการที่เท่าเทียมกันกับประเทศที่เลือกปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวจีน ประเทศที่เป็นมิตรจะได้รับการตอบแทนจากทางการจีน โดยฝ่ายจีนจะอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปประเทศเหล่านี้ เขาเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างจีนและประเทศเหล่านี้ และพร้อมระบุว่า จีนพร้อมจะตักเตือนนักท่องเที่ยวของตนให้ดูแลและเฝ้าระวังสุขภาพก่อนเดินทาง
นายสนธิกล่าวว่า ตอนนี้มีเที่ยวบินจากไทยไปเมืองต่างๆ ของจีน 15 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ต้องถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับปี 2562 เรามีเที่ยวบิน 400 กว่าเที่ยวบินต่อสัปดาห์ หรือถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ทุกวันนี้เรายังมีเที่ยวบินน้อยกว่า 5% เสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มีการขอเพิ่มเที่ยวบินเยอะแยะไปหมด ล่าสุดจีนอนุญาตให้เปิดเที่ยวบินตรงระหว่างปักกิ่ง-กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในรอบสามปี โดยในช่วงที่จีนใช้มาตรการ "โควิดเป็นศูนย์" นั้น เพื่อปกป้องเมืองหลวงของจีนจากโรคระบาด เลยทำให้ไม่มีเที่ยวบินตรงจากปักกิ่งมาประเทศไทยเลย ในช่วงนั้นถ้าเดินทางจากปักกิ่งมาประเทศไทย ต้องเปลี่ยนเครื่องอย่างน้อย 1 ครั้งในเมืองจีน เช่น ที่เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซียะเหมิน หรือ ฮ่องกง
เที่ยวบินตรงปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ใช้เวลา 5 ชั่วโมง แต่ถ้าไปเปลี่ยนเครื่องต่างๆ ต้องใช้เวลา 10 ชั่วโมง จีนบอกว่าประเทศไหนยินดีต้อนรับพลเมืองชาวจีน จะได้รับการตอบแทนน้ำใจ ส่วนประเทศไหนกีดกัน เลือกปฏิบัติกับชาวจีน จะถูกตอบโต้ด้วยมาตรการที่ทัดเทียมกัน
นายสนธิยังกล่าวถึงเบื้องหลังข้ออ้างควบคุมโรค การตั้งเงื่อนไข การควบคุมคนเข้าเมืองว่า ไม่ใช่เรื่องของการป้องกันโรคระบาดเท่านั้น แต่ยังมีนัยทางการเมือง บรรดาชาติตะวันตกและพันธมิตรไม่กี่ประเทศใช้นโยบายเลือกปฏิบัติกับนักเดินทางจากประเทศจีน ทั้งๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ถ้าจะสกัดกั้นการเดินทางต้องทำทุกประเทศทั่วโลก ไม่เช่นนั้นจะไม่มีความหมายอะไร ประเทศเหล่านี้เคยโวยวายว่า นโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" ของจีนเป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน สร้างปัญหาให้กับห่วงโซ่อุปทาน และเรียกร้องให้จีนเปิดประเทศ แต่พอจีนเปิดประเทศแล้ว ประเทศเหล่านี้กลับบอกว่ากะทันหันเกินไป ข้อมูลของจีนไม่โปร่งใส ทำให้โควิดแพร่ระบาดอีกครั้ง และตั้งเงื่อนไขกับนักเดินทางจากประเทศจีน นี่คือความย้อนแย้งที่แย่มาก
ประเทศไทยพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวถึงร้อยละ 30 ของจีดีพี ในปี 2562 ก่อนการระบาดของโรค มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยกว่า 40 ล้านคน จำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีน 10 กว่าล้านคนต่อปี ธันวาคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงพีกสุดของการท่องเที่ยวไทย รายได้การท่องเที่ยวเราเคยได้ปีละ 2 ล้านล้านบาท เพราะว่านักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 58.65 ของรายได้การท่องเที่ยวรวม ผู้บริหารการท่องเที่ยวของไทยระบุว่า การท่องเที่ยวของไทยไม่สามารถกลับคืนสู่ระดับกลับคืนสู่ระดับก่อนโรคระบาดได้ ถ้านักท่องเที่ยวจีนไม่กลับมาอย่างเต็มที่
การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ทุกคนได้ประโยชน์หมด โรงแรม ที่พัก ห้างสรรพสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ประโยชน์จากลูกค้าจีนที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม
ถึงเวลาแล้วเราต้องเลิกกลัวโควิด ในด้านการป้องกันโรค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคน เช่น ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า การเข้มงวดการเดินทางเข้าประเทศต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ที่ประเทศไทยไม่มี และมีแนวโน้มจะมีการระบาดง่าย แต่คุณหมอยง บอกว่า ขณะนี้มีแนวโน้มชี้ว่าเชื้อโควิดในประเทศจีนเป็นสายพันธุ์ที่เคยระบาดแล้วในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และในประเทศไทยก็ได้ระบาดผ่านไปแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์นี้แล้ว ความวิตกกังวลจะน้อยลง
ส่วนนายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ บอกว่า คนไทยไม่ต้องไปตื่นกลัวข่าวที่ว่าอาจมีเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่เกิดขึ้นในจีน แล้วจีนเอาเชื้อมาแพร่กระจายในประเทศไทย ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเลิกกลัวโควิด เราต้องอยู่กับโควิดอย่างมีสติ เตรียมตัวคนไทยเองให้ดี