xs
xsm
sm
md
lg

“ซีบีอาร์อี” ชี้บ้านแนวราบชิงแชร์คอนโดฯ รับพฤติกรรมผู้บริโภคต้องการพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โชติกา ทั้งศิริทรัพย์
“ซีบีอาร์อี” เผยตลาดบ้านลักชัวรี และซูเปอร์ลักชัวรีเริ่มแชร์ส่วนแบ่งตลาดคอนโดฯ ไฮเอนด์ หลังพบพฤติกรรมผู้บริโภคต้องการพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ทาวน์เฮาส์ เริ่มแย่งส่วนแบ่งตลาดคอนโดฯ ระดับกลางในย่านรอบนอกใจกลางเมืองและย่านชานเมือง

น.ส.โชติกา ทั้งศิริทรัพย์ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 65 ที่ผ่านมา ซีบีอาร์อี พบว่า บ้านแนวราบได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของผู้ซื้อชาวไทย โดยจำนวนบ้านแนวราบเพิ่มขึ้นกว่า 25% เมื่อเทียบกับปี 64  ขณะที่คอนโดมิเนียมใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในย่านมิดทาวน์ หรือรอบนอกใจกลางเมืองและย่านชานเมือง โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber)

“ประเด็นสำคัญคือ ตลาดบ้านแนวราบในปี 65 มีการเปิดตัวโครงการบ้านระดับลักชัวรี และซูเปอร์ลักชัวรีเพิ่มขึ้น ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องการพื้นที่ใหญ่ขึ้นและมีฟังก์ชันที่รองรับการทำงานและการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ แผนกวิจัยซีบีอาร์อี พบว่าในปี 65 โครงการบ้านระดับลักชัวรี และซูเปอร์ลักชัวรีที่เปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะถนนกรุงเทพกรีฑา พัฒนาการ ศรีนครินทร์ และบางนา เช่น โครงการมอลตัน เกทส์ โครงการอาลียาห์ รีเซิร์ฟ โครงการพาร์ค เฮอริเทจ และโครงการเนอวานา คอลเลคชั่น ซึ่งตลาดระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงที่มีโรคระบาด และในปีนี้ เราจะได้เห็นการเปิดขายบ้านระดับลักชัวรี และซูเปอร์ลักชัวรีเพิ่มขึ้นอีก เช่น แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ของเอสซี แอสเสท หรือนาราสิริ ของแสนสิริ”  

ทั้งนี้ โครงการบ้านหรูที่ได้รับการออกแบบให้มีฟังก์ชันที่รองรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ได้ดีจะส่งผลให้ผู้ซื้อนิยมซื้อบ้านจัดสรรจากผู้พัฒนาโครงการมากขึ้น ขณะที่โครงการบ้านแนวราบในตลาดระดับเริ่มต้น โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกับคอนโดฯ ระดับกลางในย่านรอบนอกใจกลางเมืองและย่านชานเมือง เนื่องจากราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โครงการคอนโดฯ ที่เปิดตัวใหม่หลายโครงการจึงมีราคาขายใกล้เคียงกับทาวน์เฮาส์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน นอกจากนี้ ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้ซื้อเกิดคำถามว่าจำเป็นต้องใช้ชีวิตในเมืองจริงๆ หรือไม่ 

“ผู้ที่มีแนวโน้มซื้อที่พักอาศัยหลายคนได้ปรับเปลี่ยนมีวิธีการทำงานเป็นรูปแบบใหม่ มีงานอดิเรกใหม่ๆ และวางแผนที่จะสร้างครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างต้องอาศัยพื้นที่แบบที่คอนโดมิเนียมทั่วไปไม่สามารถให้ได้ ผู้ซื้อจึงยินดีที่จะอยู่ไกลจากตัวเมืองมากขึ้นเพื่อพักอาศัยในบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า และมีราคาพอๆ กับคอนโดมิเนียมขนาดเล็กในย่านใจกลางเมือง”

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์รูปแบบเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นในตลาดบ้านระดับลักชัวรีในย่านรอบนอกใจกลางเมืองเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันกำลังแข่งขันกับคอนโดฯ ระดับไฮเอนด์ขึ้นไปที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง และแม้ว่าราคามักจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่มีคอนโดฯ เพียงไม่กี่แห่งที่เป็นยูนิตขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาโครงการได้ออกแบบไว้ในโครงการบ้านแนวราบ

ในทางตรงกันข้าม สำหรับตลาดคอนโดฯ ใจกลางเมือง ผู้พัฒนาโครงการต่างมีความระมัดระวังที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ เพราะมียูนิตที่แล้วเสร็จแต่ยังเหลือขาย และนอกเหนือจากการแข่งขันระหว่างบ้านแนวราบและคอนโดฯ แล้ว ตลาดที่พักอาศัยในย่านใจกลางเมืองยังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกำลังในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ซื้อที่ถดถอย รวมถึงผู้ซื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีนที่ลดลงเช่นกัน ตลาดนี้ยังคงมีความอ่อนไหวในเรื่องราคาและมุ่งเน้นไปที่ผู้ซื้อภายในประเทศ

“ในท้ายที่สุดแล้ว ตลาดที่พักอาศัยยังคงมีความท้าทายที่สำคัญ เนื่องจากการผ่อนปรนชั่วคราวเรื่องอัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน หรือ LTV  หมดอายุลงแล้วเมื่อสิ้นปี 65 และต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นได้ส่งผลให้สัดส่วนกำไรของผู้พัฒนาโครงการลดลง นอกจากนี้ ระดับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและความต้องการจากนักลงทุนที่ขาดหายไปจะไม่เพียงส่งผลกระทบต่อยอดขายโครงการเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้พัฒนาโครงการในการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่อีกด้วย”


กำลังโหลดความคิดเห็น