หุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ตกอยู่ในสภาพสิ้นฤทธิ์ ราคาซึมลงต่อเนื่อง และแม้ว่านายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ หรือเฮียม้อ ผู้ถือหุ้นใหญ่จะใส่เงินกว่า 100 ล้าน ซื้อหุ้นเพิ่มทุน แต่ไม่อาจเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาได้
MORE ออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 300 ล้านหุ้น เสนอขายนายอมฤทธิ์ ในราคาหุ้นละ 44 สตางค์ วงเงินทั้งสิ้น 132 ล้านบาท ชำระค่าหุ้นวันที่ 14-16 ธันวาคม 2565 โดยหุ้นเพิ่มทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา
การซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ทำให้นายอมฤทธิ์ มีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 25.74% แต่ขอผ่อนผันไม่ต้องจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่น หรือเทนเดอร์ ออฟเฟอร์
ราคาหุ้นเพิ่มทุน MORE ที่นายอมฤทธิ์ ซื้อเป็นราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายในกระดาน สะท้อนให้เห็นว่า นายอมฤทธิ์ ยอมซื้อหุ้นในราคาแพง แต่ไม่อาจส่งผลบวกในเชิงจิตวิทยา กระตุ้นราคาหุ้นบนกระดานให้เกิดความคึกคักได้
ในรอบ 12 เดือน หุ้น MORE เคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 2.98 บาท ก่อนปรับตัวลงรุนแรง หลังจากเกิดกรณีฉาวโฉ่ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นในราคาเปิดตลาด เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565
แต่การซื้อขายเข้าจำนวน 1,531 ล้านหุ้น วงเงินประมาณ 4,500 ล้านบาท เข้าข่ายพฤติกรรมอำพราง ถูกตั้งปมเป็นการสมคบคิดระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการโยนคำสั่งซื้อขายเพื่อสูบเงินจากบริษัทโบรกเกอร์ เพราะผู้สั่งซื้อไม่ยอมชำระค่าหุ้น ขณะที่โบรกเกอร์ต้องชำระค่าขายหุ้นให้ผู้สั่งขาย
ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หุ้น MORE ถูกถล่มขายจนราคารูดติดฟลอร์หรือตกต่ำสุดติดพื้น 30% ต่อเนื่อง 5 วันทำการ และลงไปต่ำสุดที่ 34 สตางค์ ก่อนจะดีดตัวกลับ แต่ถูกเทขายจนทรุดลงต่อ ล่าสุด วันที่ 17 มกราคม ปิดที่ 39 สตางค์
จำนวนผู้ถือหุ้น MORE เมื่อปิดสมุดทะเบียนวันที่ 30 กันยายน มีทั้งสิ้น 3,754 ราย ลดลงจากช่วงปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 6,039 ราย แสดงว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนหลายพันคนเทขายหุ้น MORE ทิ้ง ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน 2565
ค่าพี/อี เรโช MORE อยู่ที่ 2.62 เท่า ซึ่งเป็นผลพวงจากปี 2564 ที่มีกำไรก้าวกระโดดจำนวน 1,158.67 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้างหนี้และการขายทรัพย์สิน โดยปีก่อนหน้าขาดทุนต่อเนื่อง ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีกำไรสุทธิ 22.16 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 111.17 ล้านบาท
ส่วนไตรมาสที่ 4 ปี 2565 อยู่ระหว่างเฝ้ารอดูว่า ผลประกอบการจะออกมาอย่างไร เพราะอาจส่งผลให้ค่าพี/อี เรโชพุ่งกระฉูดได้
นอกจากนั้น นักลงทุนยังรอคอยผลการสอบสวนการซื้อขายหุ้น MORE ในราคาเปิดตลาดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนว่า จะมีใครถูกดำเนินคดีอาญาในการสร้างพฤติกรรมอำพรางการซื้อขายหุ้นหรือไม่ และจะมีผู้บริหาร MORE คนใดติดร่างแหด้วยหรือไม่
ช่วงเวลาดีๆ ช่วงข่าวดีที่จุดพลุการเก็งกำไรหุ้น MORE ผ่านพ้นไปแล้ว เหลือแต่สถานการณ์ความเป็นจริงของบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ ซึ่งไม่มีปัจจัยบวกใดๆ กระตุ้นราคาหุ้น
ถ้าผลประกอบการไม่ดีจริง ไม่เพียงแต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 3 พันชีวิตจะติดหุ้นยอดดอยเท่านั้น
แม้แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เพิ่งเติมเงินให้ MORE กว่า 132 ล้านบาทอย่างเสี่ยม้อ ก็ต้องเจ็บปางตายไปด้วย