หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินการธนาคารของอเมริกาเตือนแบงก์ตรวจสอบให้แน่ใจว่า จัดการอันตรายจากคริปโตได้ ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงในการฉ้อโกง ความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย การเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและทำให้เกิดความเข้าใจผิดของบรรดาบริษัทคริปโต ขณะที่อุตสาหกรรมนี้ยังคงปั่นป่วนจากกรณีการล่มสลายของ FTX
ในการแถลงข่าวเกี่ยวกับคริปโตร่วมกันครั้งแรกเมื่อวันอังคาร (3) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐฯ (FDIC) และสำนักงานตรวจสอบการหมุนเวียนของเงินตรา (OCC) แสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและเสถียรภาพของโมเดลธุรกิจของธนาคารที่มุ่งเน้นลูกค้าคริปโตหรือมีส่วนร่วมอย่างมากในอุตสาหกรรมนี้
แถลงการณ์สำทับว่า แบงก์ที่ออกหรือถือครองโทเคนคริปโตที่จัดเก็บในเครือข่ายสาธารณะแบบกระจายศูนย์มี “แนวโน้มสูง” ที่จะไม่ดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติการธนาคารที่มั่นคงปลอดภัย ซึ่งอาจส่งผลร้ายต่อความพยายามของธนาคารเหล่านั้นในการให้บริการคริปโตแก่ลูกค้า
แถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลเหล่านี้ลังเลมานานที่จะออกแนวทางหรือกฎร่วมกันเกี่ยวกับคริปโต แม้ธนาคารพาณิชย์เรียกร้องให้ทางการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนขึ้นก็ตาม
ก่อนหน้านี้ OCC ระบุว่า แบงก์ต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อนที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวกับคริปโต เช่น การถือครองโทเคนในนามลูกค้า ขณะที่เฟดแนะนำให้แบงก์แจ้งหน่วยงานกำกับดูแลก่อนเดินหน้าความพยายามใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
ทั้งนี้ ไมเคิล ซู รักษาการผู้อำนวยการ OCC เปรียบเทียบคริปโตกับตราสารอนุพันธ์ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 พร้อมเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากผลกระทบของคริปโต และตั้งข้อสังเกตว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ขับเคลื่อนโดยการโฆษณาเกินจริง
สิ่งสำคัญคือความเสี่ยงเกี่ยวกับภาคสินทรัพย์ดิจิตอลที่ไม่สามารถบรรเทาหรือควบคุมได้ต้องไม่ลุกลามไปยังระบบการธนาคาร ทั้งสามหน่วยงานเสริมว่า ขณะนี้กำลังเฝ้าติดตามแบงก์ที่อาจมีความเสี่ยงเกี่ยวกับคริปโต และกำลังตรวจสอบข้อเสนอของแบงก์ในการเข้าร่วมกิจกรรมคริปโตอย่างละเอียด
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นขณะที่อุตสาหกรรมคริปโตกำลังปั่นป่วนจากการล่มสลายของบริษัทโปรไฟล์ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดานเทรดคริปโต FTX โดยในวันเดียวกันนั้น แซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ที่มีมูลค่าถึง 32,000 ล้านดอลลาร์ก่อนยื่นล้มละลายในเดือน
พฤศจิกายนนั้น ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งรวมถึงการฉ้อโกงผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และการสมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน ในศาลของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่แมนฮัตตัน
เฟด, FDIC และ OCC ย้ำความเสี่ยงหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับคริปโต อาทิ ความผันผวนของตลาดสินทรัพย์ดิจิตอล การจัดการความเสี่ยงที่ไร้ประสิทธิภาพ และความเสี่ยงจากผลกระทบต่อเนื่องภายในอุตสาหกรรมคริปโตอันเนื่องมาจากความเกี่ยวโยงระหว่างผู้เล่นต่างๆ ซึ่งรวมถึงผ่านการกู้ยืม การลงทุน หรือการอัดฉีดเงินทุนที่ไม่โปร่งใส
แถลงการณ์ยังระบุว่า ปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์มากมายที่เขย่าอุตสาหกรรมคริปโต ทั้งการล้มละลายของ FTX มูลค่าตลาดสกุลเงินดิจิตอลหายไป 2 ล้านล้านดอลลาร์นับจากทะยานถึงจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2021 โครงการงานศิลป์ NFT ที่เคยเป็นที่นิยมกลับมีราคาตกต่ำสุดขีดหลังจากการระดมโฆษณาในช่วงแรกๆ เมื่อปลายปี 2021 จนถึงต้นปี 2022 และกรณีอื้อฉาวรวมทั้งการเจาะระบบที่ทำให้เหยื่อสูญเงินถึง 3,000 ล้านดอลลาร์
หน่วยงานสำคัญทั้งสามแห่งแนะนำว่า สถาบันการธนาคารควรตระหนักถึงความเสี่ยง เช่น การฉ้อโกงและต้มตุ๋น ตลอดจนถึงการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือทำให้เกิดความเข้าใจผิด ขณะที่ผู้ปล่อยกู้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า สามารถจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
เฟด, FDIC และ OCC ปิดท้ายว่า จะออกแถลงการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตของแบงก์พาณิชย์ และร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อจัดการกับปัญหาจากคริปโตอย่างต่อเนื่อง
