เพจพรรคเพื่อไทย โพสต์ระบุว่า “การอภิปรายทั่วไปในทุกประเด็นดังกล่าว จะทำให้เห็นว่า ภายใต้หน้ากากคนดีที่อยู่มา 4 ปี รวมก่อนหน้ารวม 8 ปีนั้น เนื้อแท้คนที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองนั้นเป็นอย่างไร ประชาชนจะได้ร่วมตรวจสอบ ลงคะแนนในใจว่าคนดีนั้น แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร เพื่อนำไปใช้ตัดสินใจในการเลือกตั้งปี 2566”
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันยื่นหนังสือ ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเปิดอภิปรายเป็นการทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริง รวมถึงเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 152
โดยที่การบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ก็ไม่ได้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ดังเช่นปัญหาความเหลื่อมล้ำของผู้คนในสังคมกลับสูงมากขึ้น เกิดปัญหาคนรวยกระจุก คนจนกระจาย ผู้ไร้ที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ประชาชนในระดับฐานรากมีคุณภาพชีวิตต่ำกว่ามาตรฐาน
ปัญหาด้านเศรษฐกิจก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะรัฐบาลนี้มุ่งใช้เงินเพื่อประโยชน์ทางการเมืองสร้างคะแนนนิยมเพื่อความมั่นคงและอยู่รอดของตนเอง ทำให้การปฏิรูปการเมืองล้มเหลวจนทำให้ระบบการเมืองกลายเป็นธนกิจการเมือง (Money Politics) ที่มีการใช้เงินเพื่อให้ได้มาหรือรักษาไว้ซึ่งอำนาจทางการเมือง
ปัญหาด้านการจัดสรรงบประมาณ ก็พบว่างบประมาณรายจ่ายถูกจัดสรรอย่างไม่เหมาะสมและเป็นธรรม เกิดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวางทั้งจากโครงการขนาดใหญ่จนถึงระดับท้องถิ่นจนดัชนีชี้วัดด้านทุจริตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนและพวกพ้องตนเองให้เกิดการผูกขาดและการแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการของรัฐ
ปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคงและสุขภาพอนามัยรวมถึงชีวิตความปลอดภัยของประชาชนก็ไม่ได้รับการแก้ไข กลับปล่อยให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด อย่างแพร่หลายกระจายไปตามชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งพักยาเสพติดของผู้ค้าก่อนส่งไปยังต่างประเทศ
ปัญหาสำคัญที่กระทบต่อพี่น้องเกษตรกรโดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตรก็มีราคาตกต่ำและปล่อยให้กลุ่มทุนต่างชาติเอารัดเอาเปรียบและสร้างอำนาจต่อรองเหนือเกษตรกร ขณะที่ค่าครองชีพและราคาสินค้าก็สูงขึ้นจนยากที่จะควบคุม สร้างความทุกข์ยากให้แก่ผู้มีรายได้น้อย
การป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยก็เป็นไปอย่างไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยให้เกิดน้ำท่วมขังในปริมาณสูงในหลายพื้นที่
จากปัญหาดังกล่าวมานี้ จึงจำเป็นที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ควรจะได้ร่วมกันซักถามข้อเท็จจริงและปัญหาต่างๆ เพื่อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินที่เหลืออยู่เกิดประโยชน์กับประเทศ ดังนั้น จึงได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติต่อไป