บล.พาย (Pi) ประเมินกรอบตลาดหุ้นไทย (SET) ทั้งสัปดาห์ที่ 1,610 - 1,635 จุดในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นที่ Domestic Play เช่นเดิม ค้าปลีก (BJC DOHOME GLOBAL HMPRO) ธนาคาร (BBL KBANK SCB TISCO TTB) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA SHR) ขนส่ง (BEM) สื่อนอกบ้าน (PLANB) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) ขนส่ง (BEM) เรือเทกอง (PSL)
ADVERTISEMENT
โดยตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปรับขึ้น +0.5% หลังจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ U of Michigan รายงานดีกว่าคาดการณ์ รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นจากราคาน้ำมันดิบ BRT ที่ปรับเพิ่มขึ้น 3.6% โดยมีข่าวว่ารัสเซียลดการส่งออกน้ำมันดิบ
คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดูแข็งแกร่งตั้งแต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯที่สำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนออกมาที่ 59.7 สูงกว่า Bloomberg คาดการณ์ที่ 59.1 ใส้ในทางมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่าสาเหตุที่ความเชื่อมั่นดีขึ้น 5.1%MoM แต่หดตัวลง 15%YoY หลักๆเป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง ขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจขยับขึ้น 25% พร้อมกับมุมมองระยะยาวต่อธุรกิจที่ดีขึ้นเล็กน้อย ด้านเงินเฟ้อ 1 ปีจากนี้ผู้บริโภคประเมินไว้ที่ 4.4% ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ 4.6% ส่วนระยะยาว 5 ? 10 ปีจากนี้ผู้บริโภคประเมินเงินเฟ้อไว้ที่ 2.9% ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ 3%
ขณะเดียวกันสหรัฐฯได้รายงาน PCE (เงินเฟ้อ) ออกมาที่ 5.5%YoY 0.1%MoM ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้พอดี ใส้ในพบว่าราคาสินค้าคงทนหดตัว 0.8%MoM สินค้าไม่คงทนหดตัว 0.1%MoM ถือเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามแม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯจะออกมาดีกว่าตลาดประเมินไว้แต่ข้อดีคือยังไม่ทำให้ตลาดเปลี่ยนมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ย
โดย CME FED WATCH ยังระบุว่าการประชุม FED เดือน ก.พ. ยังให้น้ำหนักส่วนมากราว 66% ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% โดยรวมเรามองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นด้วยตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีช่วยคลายกังวลเศรษฐกิจถดถอย แต่ทิศทางดอกเบี้ยยังดูไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนสัปดาห์นี้เน้นที่ในประเทศ (1) ในวันจันทร์หรืออังคารกับตัวเลขการค้าระหว่างประเทศประจำเดือน พ.ย. Bloomberg คาดการณ์มูลค่าส่งออกหดตัว 4.4%YoY และนำเข้าหดตัว 2%YoY แต่ประเมินขาดดุลการค้า 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2) ภาวะเศรษฐกิจไทยรายเดือนในวันพฤหัสบดี ซึ่งมีการประเมินไว้ว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะอยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นการเกินดุลต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อหนุนค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า (บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติ) ส่วนต่างประเทศจะค่อนข้างเงียบจากวันหยุดคริสมาสต์ หุ้นแนะนำ ได้แก่
HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.00 บาท) คาดกำไรไตรมาส 4/22 จะแตะจุดสูงของปี หนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการซ่อมแซมบ้านหลังอุทกภัย บวกกับมาตรการกระตุ้นภาครัฐ และการเปิดสาขาใหม่ 6 แห่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 16% ในปี 2022 และ 7% ในปี 2023 ซึ่งจะทำให้กำไรกลับมาสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว
PSL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.00 บาท) คาดค่าระวางเรือเทกองฟื้นตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 4/22-1/23 จากสภาพตลาดที่ดีขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 3/22 ด้วยแรงหนุนจาก 1) ฤดูกาลเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตรสหรัฐฯ 2) อุปสงค์จีนที่ฟื้นขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์ และ 3) การคว่ำบาตรนำเข้าถ่านหินรัสเซียโดยสหภาพยุโรป (EU) ที่คาดว่าจะเป็นตัวหนุนอุปสงค์การขนส่งถ่านหินจากประเทศอื่นๆได้มากขึ้น