xs
xsm
sm
md
lg

M ไตรมาส 4 เติบโตแกร่ง การบริโภคฟื้นหนุนกำไรพุ่งยาวถึงปี 66

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กำลังซื้อฟื้นตัว หนุนผลประกอบการไตรมาส4 ปี65 “เอ็มเค เรสโตรองต์” กลับมาโดดเด่น คาดเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี ส่งผลดีต่อการเติบโตและหนุนกำไรเติบโตต่อเนื่องถึงปี 2566 ให้กลับเข้าใกล้ช่วงก่อนโควิด-19 ได้ตามการ Reopening เต็มปี อีกทั้งหากจีนทยอยเปิดประเทศในปีหน้าจะเป็นปัจจัยบวกต่อ “แหลมเจริญ” ในระยะถัดไป

ผู้บริหารของ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2565 จะมีแนวโน้มเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี เนื่องจากปริมาณลูกค้าที่กลับเข้ามานั่งทานอาหารภายในสาขา (Traffic) เฉลี่ยเร่งตัวขึ้นแตะระดับ 90% เมื่อเทียบกับปี 2562 นอกจากนี้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ, ต้นทุนค่าเช่าที่เร่งตัวขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการปรับปรุงเมนู, และปรับโปรโมชั่น อาหารของแต่ละแบรนด์ และคิดค้นเมนูใหม่ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัย โดยเฉพาะ 3 แบรนด์หลักอย่าง MK Restaurant, Yayoi, และแหลมเจริญซีฟู้ด อีกทั้งยังร่วมกับพันธมิตรผู้ให้บริการระบบเดลิเวอรีทุกราย จัดโปรโมชั่นพิเศษกระตุ้นการสั่งซ้ำอย่างต่อเนื่อง

นั่นทำให้ เบื้องต้นบริษัทยังคงเป้ายอดขายทั้งปี 2565 จะเติบโตได้ระหว่าง 35-40% เมื่อเทียบปี 2564 ที่ทำได้ 1.13 หมื่นล้านบาท โดยมียอดขายต่อสาขา (SSSG) สำหรับ MK Restaurant ที่ 30% และ Yayoi ที่ 50% ทั้งยังสามารถรักษาระดับกำไรขั้นต้น (Margin) ให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

ขณะที่ปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเร่งตัวขึ้นใกล้เคียงปี 2562 ที่ทำได้ราว 1.78 หมื่นล้านบาท โดยยังรักษาศักยภาพการทำกำไรขั้นต้นไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนจากต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะอาหารสดที่เริ่มทรงตัวระดับสูง, ปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามามากขึ้น กระตุ้นยอดขายในจังหวัดท่องเที่ยวให้เร่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องทั้งปี 2566


ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทยังคงดำเนินกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายทั้งการเข้ามาใช้บริการซ้ำต่อสาขา (SSSG) ด้วยการปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นเฉลี่ยทุก 2 เดือน, คิดค้นเมนูใหม่ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัย ควบคู่กับจัดโปรโมชั่นพิเศษร่วมกับพันธมิตรผู้ให้บริการระบบ เดลิเวอรีทุกราย กระตุ้นการสั่งซ้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ยังคงลงทุนขยายสาขาทุกแบรนด์ของกลุ่มบริษัททั้ง MK Restaurant, Yayoi, และแหลมเจริญซีฟู้ด ราวแบรนด์ละ 10-15 สาขาโดยอยู่ระหว่างศึกษาทำเลศักยภาพทั่วประเทศ

โดยในช่วงวันที่ 10 พ.ย. 2565 บมจ.เอ็มเค เรตโตรองต์ กรุ๊ป รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่าในไตรมาส 3 ของปี 2565 บริษัท และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิเท่ากับ 408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 666 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 258.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2565 บริษัท และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.38 พันล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 517.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ในไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 4.06 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.09 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 106.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และยอดขายสาขาเดิม (SSSS) ก็ได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 101.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

สาเหตุหลักเนื่องจากในไตรมาส 3 ปี 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลต้ามีความรุนแรงมากขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงจำเป็นต้องปรับระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ต้องมีการปิดบริการแบบนั่งรับประทานในร้าน รวมถึงต้องปิดการให้บริการแบบซื้อกลับบ้านและการจัดส่งอาหารด้วยในบางช่วงเวลา

อย่างไรก็ดี ในเดือนกันยายน สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายขึ้น ร้านอาหารสามารถกลับมาเปิดให้บริการแบบรับประทานที่ร้านได้ แต่ยังมีการจำกัดจำนวนที่นั่งในร้าน โดยสามารถให้บริการได้เพียงร้อยละ 50 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด นอกจากนี้ ประชาชนโดยทั่วไปเกิดความกังวลและออกมารับประทานอาหารนอกบ้านน้อยลง ส่งผลให้รายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ของปีนี้ แม้ว่าจะยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ทำให้อาการไม่หนักและสามารถรักษาตัวที่บ้านได้ ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ รวมถึงภาครัฐไม่ได้มีมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหาร ส่งผลให้รายได้จากการขายและบริการในไตรมาสนี้สามารถฟื้นตัวกลับมาได้


สำหรับรายได้จากการขายและบริการสำหรับงวด 9 เดือนของปี 2565 นั้นเท่ากับ 1.15 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.98 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.4 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้ภาพรวมปี 2565 บริษัทตั้งเป้ายอดขายจะเติบโตโดยมี SSSG สำหรับ MK Restaurant ที่ 30% และ Yayoi ที่ 50% ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนราคาต้นทุนที่มีการปรับขึ้นบ้างในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีการปรับราคาขายให้สะท้อนกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อรักษาระดับกำไรขั้นต้น (Margin) ให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าในการขยายสาขาใหม่ต่อเนื่อง นำโดยร้านเอ็มเคสุกี้ ปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มอีกกว่า 11 สาขา ปัจจุบันขยายสาขาไปแล้ว 3 สาขา ทำให้ปัจจุบันมีสาขากว่า 454 สาขา นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารญี่ปุ่น "ยาโยอิ" และร้านแหลมเจริญ ที่มีแผนขยายสาขาด้วย พร้อมกันนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นเฉลี่ยทุก 2 เดือน และคิดค้นเมนูใหม่ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัย พร้อมกันนี้ยังร่วมกับพันธมิตรผู้ให้บริการระบบเดลิเวอรีทุกราย จัดโปรโมชั่นพิเศษกระตุ้นการสั่งซ้ำอย่างต่อเนื่อง

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง M ว่ากำไรจะสูงสุดในรอบปีนี้ ในไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นช่วง High Season ยังคงมองว่ากำไรของ M จะเร่งตัวขึ้นทั้งจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 4/2565 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการเข้าสู่ช่วง High Season ซึ่งทำให้ GPM ดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเปิดสาขาร้านใหม่เพิ่มอีก 7 ร้านในไตรมาส 4 ปี 2565 คาดว่าผลการดำเนินงานของ M น่าจะกลับไปอยู่ระดับเท่ากับก่อนโควิดระบาด โดยคงระดับอัตราการเติบโตของกำไรเอาไว้ได้ที่ 34% จากปีก่อน ในปี 2566 ยังคง ราคาเป้าหมายปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 67.50 บาท (P/E ที่ 27x) และยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"


บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด รายงานในบทวิเคราะห์คาดการณ์กำไรงวดไตรมาส 4 ปี 2565 ที่ 450 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี เนื่องจากเป็นช่วง High Season ที่มีเทศกาลสำคัญหนุนการบริโภค เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิทั้งปี 2565 ที่ 1,555 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,086.9% เทียบปีก่อน และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 44.44% จากปีก่อน แตะ 2,246 ล้านบาทในปี 2566

โดยเร่งตัวขึ้นที่ 2,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.53% เทียบปีก่อน ในปี 2567 จึงเลือกเป็น Top pick ในกลุ่มอาหาร แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 68.50 บาท ทั้งยังมี Upside จากการแนวโน้มการเปิดประเทศของจีน ที่คาดจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปี 2566 ซึ่งหากเปิดจริงคาดจะเป็น Catalyst ต่อราคาหุ้น M และจะส่งผลบวกโดยตรงต่อรายได้ต่อสาขาของ M โดยเฉพาะร้าน LCS ที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวจีน ซึ่งเป็นร้านที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของบริษัท

บล.พาย ระบุว่า ผลประกอบการยังคงมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องในปี 2565-2567 จากการบริโภคใน ประเทศที่ฟื้นตัว การฟื้นตัวธุรกิจร้านอาหารแหลมเจริญของ M ซึ่งมีลูกค้าส่วน ใหญ่เป็นชาวต่างชาติตามการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และการรับรู้ผลกำไรอย่างเต็มที่ หลังซื้อกิจการมาในปลายปี 2562 ขณะที่ราคาอาหารเริ่มปรับตัวลดลงใน เดือน พ.ย. 2565 จะช่วงหนุนให้อัตรากำไรดีขึ้น รวมถึงผลกระทบที่จำกัดจากการ ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

โดยคาดกำไรโตรมาส 4 ปี 2565 จะโตทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน ทั้งยังคาดว่าจะเป็นไตรมาส ที่ดีที่สุดของปี หนุนจากช่วง high season และจํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ SSSG ช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 ยังเป็นบวกทั้ง 3 แบรนด์ (MK เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน Yayoi ที่เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน แหลมเจริญซีฟู้ดเพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน ) ดังนั้นคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 64.00 บาท คำแนะนำและราคาเป้าหมายสะท้อนภาพรวมกำไรที่ฟื้น ดังขึ้นในปี 2565-2567 ด้วยสถานะเงินสดสุทธิและ upside จากดีล M&A ใหม่


 บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 66 บาท โมเมนตัมกำไรไตรมาส 4 ปี 2565 คาดเร่งตัวขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และปีก่อน ตาม Festive Season หนุน Traffic ให้ปรับขึ้น ขณะที่ฝั่งมาร์จิ้นคาดว่าดีและการขึ้นราคาในปีนี้ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับลงจะลดแรงกดดันด้านต้นทุน ทำให้คาดกำไรปี 2565 เติบโต 11 เท่าตัวเทียบปีก่อน จากฐานต่ำปีก่อน และคาดเร่งตัวแรงอีกเพิ่มขึ้น 47% เทียบปีก่อน กลับมาเข้าใกล้ช่วงก่อนโควิด-19 ได้ตามการ Reopening เต็มปี นอกจากนี้หากจีนทยอยเปิดประเทศในปีหน้าจะเป็น Catalyst บวกต่อผลการดำเนินงานของแหลมเจริญระยะถัดไป

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลงานไตรมาส 4 ปี 2565 ของ M คาดกำไรปกติจะเติบโตทั้ง จากไตรมาสก่อนและปีก่อน ทำระดับสูงสุดของปี เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจทำให้ยอดขายสุกี้เพิ่มขึ้น, จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำระดับสูงสุดของปีและแนวโน้มต้นทุนที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

โดยปี 2565 คาดกำไรจะเติบโตโดดเด่น ส่วนปี 2566 คาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่องที่ 2,246 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 44.5%เทียบปีก่อน ) กลับมาฟื้นที่ตัวที่ระดับ 86% เทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 2562 จากรายได้ต่อสาขาที่ฟื้นตัว และแนวโน้มต้นทุนที่ชะลอลงเทียบปีก่อน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และภาคการบริโภคในประเทศประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปี 2565 นอกจากนี้ต้องติดตามสถานการณ์ในจีนที่จะเป็น Catalyst ต่อราคาหุ้นหากมีการเปิดประเทศมากขึ้น แนะนำ "ซื้อ" และเลือกให้เป็น Top pick ของกลุ่มอาหารเป้าหมาย 68.50 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น