สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดคาดบิตคอยน์ยังลงต่อได้อีกและอาจหล่นถึงระดับ 5,000 ดอลลาร์ในปีหน้า หรือลดลง 70% จากราคาปิดเมื่อวันจันทร์ (5) ที่ราว 17,000 ดอลลาร์
ในบันทึกที่ชื่อว่า “เซอร์ไพรส์ในตลาดการเงินปี 2023” สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดกล่าวถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้หลายอย่างที่ตลาดประเมินต่ำเกินไป
อิริก โรเบิร์ตสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของธนาคารข้ามชาติชั้นนำแห่งนี้ ระบุไว้ในบันทึกดังกล่าวที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (4) ว่า อัตราผลตอบแทนและราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจูงมือกันร่วง และแม้แรงเทขายบิตคอยน์แผ่วลง แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว นอกจากนั้นจะมีบริษัทและกระดานเทรดคริปโตจำนวนมากขึ้นที่พบว่า ตัวเองขาดสภาพคล่องอันนำไปสู่การล้มละลายและทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิตอล
โรเบิร์ตสันเสริมว่า สถานการณ์ที่ค่อนข้างสุดโต่งเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในปีหน้า
นับจากต้นปี ราคาบิตคอยน์ตกลงกว่า 60% หลังโปรเจ็กต์และบริษัทคริปโตชั้นดีหลายแห่งล้ม กรณีล่าสุดที่ทำให้แวดวงคริปโตเจ็บหนักคือ แพลตฟอร์มเทรดคริปโต FTX ที่ยื่นขอสถานะล้มละลายเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนและยังคงส่งผลลุกลามต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิตอล อาทิ BlockFi แพลตฟอร์มปล่อยกู้คริปโตที่มีความเกี่ยวพันลึกซึ้งกับ FTX และยื่นล้มละลายตามเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว
โรเบิร์ตสันยังบอกว่า การร่วงลงของราคาบิตคอยน์จะเกิดขึ้นสวนทางกับราคาทองคำที่มีแนวโน้มพุ่งฉิว 30% อยู่ที่ 2,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาคริปโตดิ่งลงต่อเนื่อง บริษัทคริปโตจำนวนมากขึ้นพ่ายแพ้ต่อแรงกดดันด้านสภาพคล่อง และนักลงทุนถอนตัวจากตลาดสินทรัพย์ดิจิตอล
เขาสำทับว่า ทองคำอาจฟื้นสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย และนักลงทุนแห่ซื้อสินค้าโภคภัณฑ์นี้เพราะต้องการความมั่นคงในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนหนัก
ไม่ได้มีแค่สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดเท่านั้นที่มองแนวโน้มบิตคอยน์ติดลบ สัปดาห์ที่แล้ว มาร์ก โมเบียส นักลงทุนชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่า ปีหน้าบิตคอยน์น่าจะหล่นลงอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์ เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยและนโยบายการเงินคุมเข้มของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนเชื่อว่า บิตคอยน์ยังตกไม่สุดและอาจร่วงลงอยู่ที่ 13,000 ดอลลาร์
เดวิด เคมเมอเรอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (CEO) คอยน์เลดเจอร์ มองว่า ฤดูหนาวคริปโตอาจลากยาวกว่าที่คิดไว้ก่อนที่ราคาจะดีดขึ้น เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาค ตั้งแต่อัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี ต้นทุนกู้ยืมพุ่งขึ้น และความไร้เสถียรภาพทางการเมืองหลังจากรัสเซียบุกยูเครนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนที่เชื่อมั่นในบิตคอยน์ เช่น ทิม เดรเปอร์ นักลงทุนระดับเศรษฐีพันล้านที่บอกกับซีเอ็นบีซีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (3) ว่า บิตคอยน์จะพุ่งถึง 250,000 ดอลลาร์ในปีหน้า เนื่องจากวิกฤต FTX จะส่งเสริมแนวทางการกระจายศูนย์ รวมถึงการยอมรับบิตคอยน์ และการที่ผู้ใช้หันมาดูแลสินทรัพย์คริปโตด้วยตัวเอง
นอกจากนั้น ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา คอยน์เทเลกราฟรายงานว่า เฮนริก ซีเบิร์ก นักเศรษฐศาสตร์มหภาค ชี้ความเป็นไปได้ที่บิตคอยน์จะทะลุแนวต้านที่ 100,000 ดอลลาร์
เช่นเดียวกัน มาร์ก ยูสโก ผู้คร่ำหวอดในวงการเฮดจ์ฟันด์ เชื่อว่า บิตคอยน์จะเข้าสู่ภาวะกระทิงในไตรมาส 2 ปีหน้า เนื่องจากระบบนิเวศเริ่มสะสมบิตคอยน์อีกครั้งเพราะคาดหวังรางวัลจากปรากฏการณ์ bitcon halving (ปรากฏการณ์ที่รางวัลจากการขุดลดลงทุก 4 ปี) รอบต่อไป และระยะยาวเงินดิจิตอลมูลค่าสูงสุดในโลกสกุลนี้อาจดีดขึ้นถึง 250,000 ดอลลาร์