พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล ชี้ฤดูหนาวคริปโตอาจไม่มีวันสิ้นสุด ขณะที่โจ ลอนส์เดล นักลงทุนและผู้ร่วมก่อตั้งพาแลนเทียร์ เตือนจะมีบริษัทคริปโตอีกมากมายล้มหายตายจาก อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า คริปโตจะยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแลกเปลี่ยนและถ่ายโอนเงินทั่วโลก
ในการให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ นิวส์เมื่อเร็วๆ นี้ ลอนส์เดล นักลงทุนและผู้ร่วมก่อตั้งพาแลนเทียร์ บริษัทซอฟต์แวร์มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ บอกว่า จะมีบริษัทคริปโตล่มสลายอีกหลายแห่ง เนื่องจากโทเคนและผู้ปล่อยกู้คริปโตจำนวนมาก รวมถึงส่วนอื่นๆ ในระบบนิเวศคริปโตล้วนเป็นแชร์ลูกโซ่ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจร่วมลงทุนผู้นี้บอกว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนจะยังคงเป็นส่วนสำคัญของอนาคตต่อไป
เขายังบอกอีกว่า โปรเจ็กต์คริปโตในช่วงหลายปีมานี้ไม่ได้กำหนดมูลค่าโดยอิงกับกระแสเงินสดหรือการสร้างมูลค่าในระบบเศรษฐกิจ แต่อิงกับสิ่งที่คนยอมจ่ายให้
การให้สัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการล่มสลายของ FTX ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่า เป็นกระดานเทรดคริปโตใหญ่อันดับ 3 ของโลก แต่เมื่อต้นเดือนที่แล้วโชคชะตากลับพลิกผันทำให้บริษัทแห่งนี้ต้องยื่นขอรับการคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายมาตรา 11 ในเดลาแวร์ หลังรายงานยอดขาดทุนอย่างน้อย 1,000 ล้านดอลลาร์
หลัง FTX ล่ม BlockFi แพลตฟอร์มกู้ยืมคริปโตที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งในวงการ ยื่นขอสถานะผู้ล้มละลายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ลอนส์เดลชี้ว่า บริษัทบางแห่งที่ยื่นล้มละลายมีการทุจริตอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FTX สอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เปรียบเทียบการล่มสลายอย่างปุบปับของ FTX กับการล้มของเอนรอน และแม้กระทั่งเลห์แมนที่นำไปสู่วิกฤตการเงินโลกปี 2008
เขาบอกว่า ในระยะยาวคริปโตถือว่ามีส่วนที่ดี เพียงแต่สิ่งที่เห็นในช่วงเวลาส่วนใหญ่ในรอบ 3-5 ปีล่าสุดคือฟองสบู่การเก็งกำไรที่ขับเคลื่อนโดยเงินทุนต้นทุนต่ำและแชร์ลูกโซ่
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีที่รองรับคริปโตจะได้รับการยอมรับและพัฒนาศักยภาพใหม่ๆ ต่อไปแม้ตลาดคริปโตปั่นป่วนวุ่นวายก็ตาม ลอนส์เดลเสริมว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยอำนวยความสะดวกในการโอนเงินออนไลน์โดยไม่ต้องพึ่งโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมของรัฐบาลหรือธนาคาร ช่วยให้เกิดช่องทางใหม่ที่สำคัญในการโยกย้ายเงินทั่วโลก เขายังเห็นว่า ระบบกระจายศูนย์และบางอย่าง เช่น บิตคอยน์ ควรคงอยู่ต่อไปเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในระบบการเงิน
กระนั้น ใช่ว่าทุกคนมองแง่บวก ตัวอย่างเช่น พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่บอกว่า ตลาดคริปโตขณะนี้เข้าสู่ฤดูหนาวที่ไม่มีวันสิ้นสุดและจะไม่สามารถฟื้นตัวได้อีก
ครุกแมนแจกแจงผ่านบทความในนิวยอร์ก ไทมส์ฉบับวันที่ 1 ที่ผ่านมาว่า นักเศรษฐศาสตร์หลายคนลงความเห็นว่า การที่คริปโตถูกเทขายเนื่องจากนักลงทุนขาดความไว้ใจในบุคคลที่สาม ทั้งแบงก์ บุคคล หรือตัวกลางระหว่างนักลงทุนกับการทำธุรกรรมคริปโต
เขาสำทับว่า ความล้มเหลวในตลาดคริปโตล่าสุดฟ้องว่า บริษัทคริปโตพ่ายแพ้อย่างง่ายดายต่อสิ่งเร้าให้ขโมยสินทรัพย์ของลูกค้า โดยยกตัวอย่าง FTX ที่นำสินทรัพย์ของลูกค้าไปเดิมพันกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง
ในส่วนเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้น ครุกแมนบอกว่า มีบริษัทมากมายในหลากหลายอุตสาหกรรมประกาศเจตนารมณ์ใช้บล็อกเชนเพื่อติดตามการทำธุรกรรมอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียที่ประกาศเมื่อ 5 ปีที่แล้วว่า มีแผนใช้แพลตฟอร์มบล็อกเชนในการชำระบัญชีการเทรด แต่เมื่อเร็วๆ นี้กลับยกเลิกแผนการนี้โดยระบุถึงความไม่แน่นอนของโซลูชัน เช่นเดียวกับเมิร์ก บริษัทชิปปิ้งยักษ์ใหญ่ที่ประกาศยุติความพยายามใช้บล็อกเชนจัดการห่วงโซ่อุปทาน
นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังผู้นี้ปิดท้ายว่า หลายคนที่บอกว่า ตลาดคริปโตกำลังฝ่าฟันและจะผ่านพ้นฤดูหนาวไปได้นั้น อาจประเมินสถานการณ์ต่ำเกินจริง เพราะขณะนี้ดูเหมือนฤดูหนาวคริปโตจะกลายเป็นฤดูหนาวที่รุนแรงและยาวนานไร้จุดจบเหมือนฤดูหนาวก่อนวันสิ้นโลกตามเทพปกรณัมนอร์ส