รองปลัด สธ.แจงอยู่ระหว่างตรวจสอบ 2.7 หมื่นรายชื่อบรรจุข้าราชการโควิดรอบสอง ส่วนเพิ่มค่าโอทีไม่เกิน 1 เดือนพ้นส่งต่อกรมบัญชีกลางพิจารณา แจงหากอนาคต รพ.มีปัญหาเงินบำรุง ใช้ระบบเขตสุขภาพปรับเกลี่ยช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการบรรจุข้าราชการโควิดรองสอง ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างทวนสอบข้อมูลจำนวนกว่า 27,000 รายชื่อ ซึ่ง ธ.ค.จะนัดหารือกับเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดยปลัด สธ.ให้โจทย์มาแล้วในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดที่ สธ.ส่งไปว่ามีเหตุผลรองรับอะไรบ้าง ซึ่ง สธ.ยืนยันตามเดิมในส่วนที่เคยขอไปก่อนหน้านี้ แต่มีลำดับความสำคัญ ความถูกต้องของข้อมูลให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามถึงความคืบหน้าขึ้นค่าตอบแทนโอที 8% และค่าเวรผลัดบ่ายดึกอีก 50% ทุกวิชาชีพ ว่า กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนในส่วนของ สธ.คาดว่าไม่นานไม่เกิน 1 เดือน จากนั้นจะส่งข้อมูลให้กับกรมบัญชีกลางพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ส่วนข้อห่วงใยเรื่องเงินบำรุงหากอนาคต รพ.มีปัญหาขาดสภาพคล่องนั้น เรามีกลไกในระดับเขตสุขภาพ จะมีรพ.พี่ รพ.น้อง รพ.ใหญ่ รพ.เล็ก สามารถดูแลเรื่องงบประมาณเกลี่ยช่วยเหลือกัน อย่าง รพ.บางแห่งมีประชากรน้อย แต่ก็ต้องดูแล ก็จะได้รับการดูแลช่วยเหลือ
ถามว่าเมื่อปรับขึ้นแล้วจะสามารถปรับลดในอนาคตกรณี รพ.เกิดวิกฤตการเงินได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตรงนี้ก็กังวลกัน แต่มีการคิดละเอียดถี่ถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม ในการปรับเพิ่มยังมีอำนาจของจังหวัดที่สามารถปรับได้อีก โดยเราให้ฐานไว้ แต่จังหวัดอาจเพิ่มเป็นเท่าครึ่ง หรือสองเท่าก็ได้อยู่ที่ความคล่องตัวของจังหวัดนั้นๆ
ด้าน นายริซกี สาร๊ะ เลขาธิการชมรมนักวิชาการสาธารณสุข (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับความคืบหน้าความก้าวหน้าของบุคลากรเกี่ยวกับการบรรจุข้าราชการโควิด การกำหนดตำแหน่งใหม่ และการเปลี่ยนสายงานข้าราชการที่ได้รับวุฒิเพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจาก ก.พ.ส่งหนังสือถึงคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ใจความคือ การกำหนดตำแหน่งใหม่ “นักสาธารณสุข” อยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลเพื่อจะเสนอ อ.ก.พ.วิสามัญเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคคลระบบเปิด และเสนอ ก.พ. เพื่อพิจารณา ส่วนการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ได้ท้วงติงหลักเกณฑ์ว่า ให้ใช้ตำแหน่งว่างที่มีอยู่ก่อนและให้เร่งดำเนินการภายใน 1 ปี ส่วนตำแหน่งใหม่ต้องมีหลักเกณฑ์ชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้ สธ.ระบุว่าอยู่ระหว่างสอบทานข้อมูลและส่งใหม่อีกครั้ง และเรื่องการเปลี่ยนสายงาน ก.พ.ระบุว่าต้องพิจารณาหลายมิติเพื่อความรอบคอบในทุกประเด็น ซึ่งทั้งหมดชัดเจนว่า เรื่องกำหนดตำแหน่งใหม่ต้องรอ ก.พ. ส่วนบรรจุข้าราชการโควิดและปรับสายงานนั้นอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข
“อยากให้ สธ.ชัดเจนเรื่องนี้ อย่างเรื่องบรรจุข้าราชการตั้งใหม่ ยืดเยื้อมา 2 ปีแล้ว อย่างกลุ่มตกหล่น ตกค้างจากรอบที่แล้วก็ยังไม่ชัดเจนว่า กลุ่มนี้ได้หรือไม่ เช่น กลุ่มชื่อตำแหน่งไม่ตรง หรือคนที่จบปี 2563 เป็นกลุ่มนักวิชาการสาธารณสุขบางส่วนยังไม่ได้บรรจุ ยิ่งหลังมีการถ่ายโอน รพ.สต.ไปท้องถิ่นแล้ว มองว่าสามารถเดินหน้าเรื่องเหล่านี้ได้ ขอให้ สธ.รีบดำเนินการ หากทันปีใหม่จะยิ่งสร้างขวัญกำลังใจ เป็นของขวัญปีใหม่ให้บุคลากร” นายริซกี กล่าว
นายริซกีกล่าวว่า ขอให้มีการเรียกประชุมสหวิชาชีพทุกไตรมาส เหมือนตอนที่ท่านปลัด สธ. บอกในการประชุมร่วมกับชมรม วิชาชีพต่างๆเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า หลังจากนี้จะเชิญสหวิชาชีพต่างๆ ประชุมติดตามความคืบหน้าทุกไตรมาส ซึ่งในเดือนธ.ค.นี้ จะครบพอดี หากมีการเรียกประชุมช่วงนั้น ทางชมรมฯจะขอหารือและยื่นหนังสือติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ แต่หาก สธ.ไม่เรียกประชุมก็จะขอรวมตัวกันเพื่อไปติดตามความชัดเจน ที่กระทรวงสาธารณสุขในเดือน ธ.ค.ต่อไป