xs
xsm
sm
md
lg

นักลงทุนคนสนิท“วอร์เรน บัฟเฟต์” โยงบิตคอยน์กับการลักลอบค้าเด็ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชาร์ลี มังเกอร์ มหาเศรษฐีและรองประธานเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ กัดคริปโตไม่ปล่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเรื่องวุ่นวายมากมายที่เกิดขึ้นจากการล้มละลายของแพลตฟอร์มเทรดคริปโต FTX โดยล่าสุดเขาโยงบิตคอยน์กับการลักลอบค้าเด็ก ขณะที่รายงานการศึกษาของ BIS พบว่า นักลงทุน 3 ใน 4 สูญเงินจากการลงทุนในบิตคอยน์ระหว่างปี 2015-2022

มังเกอร์ คู่หูนักลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (CEO) เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ กลุ่มกิจการข้ามชาติชั้นนำของอเมริกา เป็นหนึ่งในคนดังที่เชื่อว่า คริปโตมีประโยชน์น้อยกว่าที่กลุ่มผู้สนับสนุนวาดภาพไว้มาก ต้นปีนี้เขาเรียกบิตคอยน์ (BTC) และเงินดิจิตอลสกุลอื่นๆ ว่า “กามโรค”

เขายังบอกว่า ไม่เคยเสียใจแต่กลับภูมิใจด้วยซ้ำที่ไม่ลงทุนในคริปโต และสำทับว่า บิตคอยน์เป็นเครื่องมือของพวกโจรลักพาตัว พวกหนีภาษี ผู้ก่อการร้าย และผู้ร้ายที่ชอบขู่กรรโชกทรัพย์

มังเกอร์สนับสนุนให้อเมริกาแบนบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิตอลอื่นๆ พร้อมชื่นชมรัฐบาลจีนสำหรับมาตรการปราบปรามคริปโต

ล่าสุดระหว่างให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีเมื่อเร็วๆ นี้ มังเกอร์พูดถึงนักลงทุนชื่อดังบางคนที่ลงทุนในคริปโตว่า มีบางคนคิดว่า กำลังจับดีลที่ฮ็อตมาก ซึ่งเขาคิดว่า เป็นการกระทำที่ไร้สติเพราะนักลงทุนเหล่านั้นไม่กังวลว่า กำลังสนับสนุนบิตคอยน์หรือการลักลอบค้าเด็กอยู่หรือเปล่า

มังเกอร์สำทับว่า เขารู้สึกเจ็บปวดที่ได้เห็นคนมีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการสนับสนุนคริปโต ซึ่งเขามองว่า เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงจากการพาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับการส่งเสริมสิ่งที่น่าชิงชัง

นักธุรกิจรุ่นใหญ่ผู้นี้แสดงความรังเกียจบิตคอยน์มาตลอด เช่น ระหว่างการให้สัมภาษณ์ในเดือนพฤษภาคมที่เขายอมรับตรงๆ ว่า เกลียดความสำเร็จของบิตคอยน์

สำหรับเหรียญที่ครั้งหนึ่งเคยทำสถิติสูงสุดเหนือ 67,000 ดอลลาร์ BTC เจอวันเลวร้ายมากมายนับจากต้นปีนี้ ตลอดปี 2022 ราคาร่วงลงกว่า 60% และยังมีแนวโน้มลงต่อ โดยช่วงกลางสัปดาห์นี้อยู่ที่ราว 16,700 ดอลลาร์

ขณะเดียวกัน เมื่อไม่กี่วันมานี้เอเอฟพีเปิดเผยรายงานจากนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ที่วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับนักลงทุนในคริปโตใน 95 ประเทศระหว่างปี 2015-2022

รายงานของ BIS ซึ่งถูกมองว่า เป็นธนาคารกลางของธนาคารกลาง ระบุว่า โดยภาพรวมบ่งชี้ว่า นักลงทุนราว 3 ใน 4 สูญเงินจากการลงทุนในบิตคอยน์ ซึ่งในช่วงที่ทำการศึกษานั้นราคา BTC เพิ่มขึ้นจาก 250 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม 2015 มาทำสถิติสูงสุดที่เกือบ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2021 และขณะนี้เทรดอยู่แถวๆ 16,700 ดอลลาร์

จำนวนผู้ใช้แอปมือถือที่อำนวยความสะดวกในการซื้อขายคริปโตเพิ่มขึ้นจาก 119,000 คน เป็น 32.5 ล้านคนในช่วงเวลาดังกล่าว

นักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้ยังพบว่า ราคาบิตคอยน์ที่ไต่ขึ้นเชื่อมโยงกับจำนวนนักลงทุนรายย่อยที่เพิ่มขึ้นในตลาดคริปโต และยังพบว่า ขณะที่ราคาเหรียญเพิ่มขึ้นและนักลงทุนรายย่อยเข้าซื้อบิตคอยน์ นักลงทุนรายใหญ่สุดหรือที่เรียกกันว่า “วาฬ” หรือ “วาฬหลังค่อม” จะเทขายทำกำไรจากการสูญเสียของนักลงทุนรายย่อย

รายงานเสริมว่า นักลงทุนหน้าใหม่กลุ่มใหญ่ที่สุด (ราว 40%) คือผู้ชายอายุต่ำกว่า 35 ปีที่มักถูกระบุว่า เป็นกลุ่มประชากรที่ชอบเสี่ยงมากที่สุด

นักวิจัยยังพบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า คริปโตเป็นเครื่องมือการลงทุนแบบเก็งกำไร และชายหนุ่มมีแนวโน้มกระตือรือร้นเทรดมากขึ้นในช่วงหลายเดือนหลังจากราคาบิตคอยน์ทะยานแรง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ BIS มองว่า ควรเป็นสิ่งที่กระตุ้นเตือนว่า จำเป็นต้องเพิ่มการปกป้องนักลงทุนหรือไม่

ชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ หนึ่งในคนดังที่ตั้งป้อมโจมตีคริปโต
กำลังโหลดความคิดเห็น