ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินว่า ดัชนีหุ้นปลายปีนี้จะขึ้นไปยืนที่ระดับ 1,650 จุด แต่โบรกเกอร์บางสำนักมองว่า หุ้นปลายปีอาจวิ่งไปได้ถึง 1,730 จุด ซึ่งแม้จะเป็นการมองโลกในแง่ดี แต่ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน
เพราะนักลงทุนต่างชาติกลับมาบุกตลาดหุ้นอีกครั้ง ช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาไล่ช้อนซื้อหุ้นฝุ่นตลบ ผลักดันให้ดัชนีที่ทำท่าจะพักฐาน กระเตื้องขึ้นต่อเนื่อง สร้างจุดสูงสุดใหม่ของรอบในแต่ละวัน
เดือนตุลาคม ดัชนีปิดลงที่ระดับ 1,608.76 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ในรอบนี้ และมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าต่อแม้ไม่มีปัจจัยบวกสนับสนุนก็ตาม
แต่การกลับมาของต่างชาติทำให้มุมมองทิศทางตลาดเปลี่ยนไปในทางที่ดี โดยแรงซื้อต่างชาติจะเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ แม้ไม่มีข่าวดีกระตุ้นการลงทุนก็ตาม
การที่ต่างชาติโหมซื้อ อาจเป็นเพราะไม่มีความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหม่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ซึ่งจะรู้ผลเช้าวันพฤหัสบดีนี้ และไม่กลัวผลกระทบจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัว จนเกิดปัญหาขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
นอกนั้นอาจมีมุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสดใสขึ้น จึงเข้ามาช้อนซื้อหุ้นเก็บ
ช่วงต้นเดือนตุลาคม ต่างชาติขายหนัก แต่ช่วงกลางเดือนกลับมาซื้อ และทำให้มียอดซื้อสะสมสุทธิ 8,649.10 ล้านบาท ส่วนยอดซื้อหุ้นสะสม 10 เดือนแรกปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 158,884.69 ล้านบาท
โบรกเกอร์บางสำนักคาดการณ์ว่า ต่างชาติจะทยอยขนเงินกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มขึ้นได้ต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี
หุ้นที่อยู่ในความสนใจของต่างชาติเป็นหุ้นขนาดใหญ่ กระจายอยู่หลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มค้าปลีก กลุ่มพลังงาน กลุ่มเปิดเมือง กลุ่มโรงพยาบาล และหลายตัวราคาหุ้นสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ก่อนเกิดวิกฤตโควิดแล้ว
ดัชนีหุ้นจะไปต่อจนแตะ 1,700 จุด หรือไปไกลถึง 1,730 จุดได้หรือไม่อยู่ที่แรงซื้อของต่างชาติเพียงประการเดียว เพราะปัจจัยข่าวดีอื่นมองไม่เห็น หรือไม่มีปัจจัยใดที่จะผลักดันให้ดัชนีพุ่งทะยานไปจนแตะระดับ 1,730 จุดได้
จะลุ้นให้ดัชนีไปไกลถึง 1,700 จุดในปลายปี ต้องลุ้นให้ฝรั่งซื้อ อย่าหยุดซื้อ หรือพลิกกลยุทธ์กลับมาขายอีกครั้งเท่านั้น
นักลงทุนรายย่อย หลายสัปดาห์แล้วที่ปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ปรับกลยุทธ์หันมาปักหลักขาย ทยอยขายมาตลอด และพร้อมใจกันขายหนักส่งท้ายเดือนตุลาคมถึง 3,933.62 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าถ้าหุ้นยังขึ้นต่อ นักลงทุนรายย่อยจะปล่อยของ ขายหุ้นออกมามากขึ้น
เพราะแม้ระยะสั้นหุ้นยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ราคาหุ้นได้ซึมซับรับข่าวไปมากพอควรแล้ว และยังมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าจับตาในปลายสัปดาห์นี้สำหรับผลการประชุมเฟด ซึ่งอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงพลิกความคาดหมาย จนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอีกระลอกก็ได้
เข้าสู่โค้งสุดท้าย หรือ 2 เดือนสุดท้ายของปี 2565 แล้ว แต่สถานการณ์ตลาดหุ้นมีความสดใส และนักลงทุนมีความหวังมากขึ้น โดยเป้าหมายดัชนี 1,650 จุดน่าจะได้เห็น
แต่จะไปไกลถึง 1,730 จุดตามเป้าที่บางโบรกเกอร์ตั้งไว้ คงจะต้องช่วยกันลุ้น และลุ้นให้ต่างชาติกลับมาไล่ช้อนซื้อเท่านั้น
ถ้าต่างชาติซื้อหุ้นหนักมือเหมือนวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยซื้อกว่า 4,000 ล้านบาท และซื้ออย่างต่อเนื่อง ปลายปีเจอกันที่ 1,730 จุดก็มีความเป็นไปได้
