บรรยากาศการซื้อขายหุ้นช่วงปลายเดือนตุลาคมกลับมาคึกคักขึ้น โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และนักลงทุนต่างชาติที่กลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้น จนดัชนีหุ้น สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบนี้ และมีแนวโน้มเดินหน้าต่อ
ดัชนีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านปิดที่ 1,606.07 จุด และเป็นการแกว่งตัวขึ้นในกรอบแคบๆ แต่บวกได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีหุ้นขนาดใหญ่ที่หมุนเวียนเปลี่ยนขึ้นมาขับเคลื่อนดัชนี ขณะที่ต่างชาติกลับมาไล่ซื้อต่อเนื่อง โดยวันศุกร์ซื้อสุทธิ 2,880 ล้านบาท
ในช่วงต้นเดือนตุลาคม ตลาดหุ้นทำท่าจะย่ำแย่ ดัชนีปรับฐานจนเกือบหลุดแนวรับ 1,550 จุดอีกครั้ง ขณะที่ต่างชาติทยอยขายหุ้น แต่ประมาณกลางเดือน ต่างชาติเริ่มกลับมาเก็บหุ้น ดัชนีจึงดีดตีวกลับ และคาดว่าเดือนตุลาคมจะปิดฉากสวย ดัชนีจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ของรอบ
ตลาดหุ้นที่กระฉับกระเฉงขึ้นมาเกิดจากความวิตกกังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดลดลง จากเดิมที่คาดว่า จะปรับตัวขึ้น 0.75% แต่การประชุมต้นเดือนพฤศจิกายนนี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นเพียง 0.50% หรือ 0.25%
การลดความเข้มข้นของมาตรการสกัดกั้นเงินเฟ้อจะช่วยลดแรงกดดันปัญหาเศรษฐกิจถดถอย และเป็นปัจจัยสำคัญที่พลิกสถานการณ์ตลาดหุ้นที่กำลังซบเซา คืนสู่ความสดใสรอบใหม่
นักลงทุนต่างชาติกลับมามียอดซื้อสุทธิสะสมในเดือนตุลาคม 4,484 ล้านบาท รวมยอดซื้อหุ้นสะสมจากต้นปีจำนวน 1.54 แสนล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อหุ้นสะสมในเดือนตุลาคมสิ้นสุดวันที่ 27 ตุลาคม จำนวนกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หุ้นที่นักลงทุนรายย่อยซื้อในเดือนตุลาคมมีต้นทุนต่ำ และส่วนใหญน่าจะมีกำไร เพราะดัชนีปรับตัวขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ของรอบ จึงสามารถขายทำกำไรได้ โดยเฉพาะเมื่อหุ้นพุ่งทะยานต่อ
แนวโน้ตลาดหุ้นระยะสั้นยังอยู่ในช่วงขาขึ้น จากแรงหนุนดัชนีดาวโจนส์ และการไหลกลับของนักลงทุนต่างชาติ แต่จะมีแรงส่งจะพุ่งทะลุแนวต้านระดับต่อไปที่ 1,650 จุดหรือไม่ ยังต้องรอลุ้นกัน
ช่วงโค้งสุดท้ายหรือ 2 เดือนสุดท้ายของปี 2565 ไม่อาจคาดหมายว่าตลาดจะฟื้นตัวต่อเนื่อง หรือเกิดความผันผวน เพราะปัจจัยลบการขยับดอกเบี้ยกกดดันอยู่ แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยไม่มากก็ตาม และปีหน้ายังมีปัญหาภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีก
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินว่า ปลายปีนี้ดัชนีน่าจะยืนเหนือระดับ 1,650 จุด ซึ่งบางโบรกเกอร์มองโลกสวย ประเมินว่าดัชนีจะขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,730 จุด จากแรงหนุนการท่องเที่ยวฟื้นตัวและการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติ
แต่สถานการณ์การลงทุนโค้งสุดท้ายยังมีความไม่แน่นอน และขาดข่าวดีชิ้นใหญ่ที่จะกระตุ้น นอกจากนั้น ในปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจจะถดถอย จนอาจฉุดดัชนีให้ทรุดลงแตะระดับ 1,400 จุดได้
ปีหน้าหุ้นเล่นยากกว่าปีนี้ โอกาสการทำกำไรไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นในเวลาที่เหลือปีนี้จึงเป็นจังหวะปรับพอร์ตของนักลงทุนรายย่อย โดยรอบขาขึ้นระยะสั้นควรชิงขายทำกำไร ลดน้ำหนักหุ้นในพอร์ต เพิ่มน้ำหนักการถือเงินสด และรอจังหวะดักเก็บหุ้นในปีหน้า เพราะมีโอกาสช้อนหุ้นต้นทุนต่ำๆ
2 เดือนสุดท้ายปีนี้เพดานด้านบนแคบลงแล้ว ช่องว่างการทำกำไรมีไม่มาก โอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปแตะระดับ 1,650 จุดมีอยู่
แต่จะรอขายหุ้นแถว 1,650 จุดหรือ ในเมื่อช่องว่างกำไรเหลือไม่มาก ทยอยขายตั้งแต่วันนี้ไม่ดีกว่าหรือ
