Kitco News - ตามรายงานล่าสุดจาก Conicub ระบุว่าสหรัฐอเมริกาไม่ใช่เศรษฐกิจคริปโตที่ดีที่สุดในโลกอีกต่อไป โดยล่าสุดพบว่าเยอรมันเป็นประเทศที่ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในส่วนที่ใช้คริปโต เช่นลักษณะประเภทธุรกิจการพาณิชย์ มาตรการทางภาษี ของการใช้คริปโต ขึ้นแซงหน้าสหรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสหรัฐหลุดมาอยู่ที่อันดับ 7 ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 โดย Conicub เน้นย้ำนโยบายในการจัดอันดับประเทศจากการสื่อสารด้านกฎระเบียบที่โปร่งใส
ตามรายงานล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 3 /2565 ชี้ให้เห็นว่าเยอรมนีเป็นผู้นำเพียงประเทศเดียวในแง่ของการมีเศรษฐกิจคริปโต (crypto) ที่ดีที่สุด หลังจากจัดอันดับสูงสุดเทียบกับสหรัฐอเมริกาเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 โดยเป็นประเทศได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในการใช้ธุรกรรมที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้ถือ crypto จากจุดยืนด้านภาษีเนื่องจากกฎหมายของเยอรมันเรียกเก็บภาษีเป็นศูนย์สำหรับ crypto ที่ถือครองมานานกว่าหนึ่งปี
ขณะที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 2 ที่ถูกจัดอันดับเนื่องจากกฎระเบียบด้านการใช้งานคริปโตในเชิงบวกและโดยมีแรงหนุนจากการสร้างความน่าเชื่อถือด้านการเป็นที่ตั้งขององค์กร crypto ชั้นนำของโลก ซึ่งหลายแห่งมีที่ทำการในเมืองเล็ก ๆ หรือ Zug ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมที่บริษัทมีการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีบล็อกเชนแก่กันซึ่งมักเรียกกันว่า "Crypto Valley"
ขณะที่อันดับถัดไปใน 5 อันดับแรก ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสิงคโปร์
มาตรการทางภาษี ปัจจัยลบที่เขี่ยอเมริกาหลุดโผ
เหตุผลในด้านความนิยมของอเมริกาที่ทำให้อันดับลดลงนั้น ประเด็นหนึ่งมาจากนโยบายมาตรการด้านภาษี crypto ที่ไม่เอื้ออำนวยและขาดความชัดเจนด้านกฎระเบียบ ถึงแม้ว่าอเมริกาจะร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 7 แต่สหรัฐฯ ยังคงอยู่ในอันดับต้นๆ ในของหมวด “ถัวเฉลี่ยในการกักตุนคริปโตตามสัดส่วนของประชากร” โดยชาวอเมริกันอยู่ในอันดับที่ 2 (มีสัดส่วนถึง 13%) ในแง่ของเปอร์เซ็นต์ของประชากรที่ถือครองและซื้อขายคริปโต โดยตามหลังประเทศเวียดนามที่อยู่ในอันดับที่ 1 ซึ่งมีสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึง 20% ของประชากรที่ลงทุนใน crypto
นอกจากนี้ในแง่ของกิจกรรม crypto ซึ่งรวมถึงการเติบโตของการแลกเปลี่ยน crypto ใหม่ ที่มีบริษัท blockchain ซึ่งเริ่มต้นและการออกเหรียญใหม่ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในขณะที่อุตสาหกรรมได้มีการขยายขอบเขตออกไปซึ่งทำให้สหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายการด้วยจำนวนบริษัทที่ก่อตั้งใหม่มากกว่า 100 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับ crypto ที่เกิดใหม่ในไตรมาสที่ 3 ขณะที่สหราชอาณาจักร อยู่ในอันดับที่ 2 ด้วยจำนวน 21 แห่งตามด้วยสิงคโปร์ 13 แห่งและสวิตเซอร์แลนด์ 10 แห่ง
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเป็นประเทศเดียวที่อนุญาตให้รวมการใช้คริปโตเป็นส่วนหนึ่งของเงินบำนาญในที่ทำงานเชิงกลยุทธ์ ซึ่งคาดว่าแนวโน้มด้านกฎหมายปัจจุบันที่ผ่านกระบวนการทางกฎหมายของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่การปรับปรุงที่สำคัญในการจัดอันดับแยกย่อยเพิ่มเติมภายในสิ้นไตรมาสที่ 4 ปีนี้
ส่วนประเทศเอลซัลวาดอร์ซึ่งอยู่ในอันดับต้น ๆ ของประเทศที่มีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับการนำคริปโตมาใช้มากที่สุด โดยพิจารณาจากจำนวนการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ “Bitcoin” ตามด้วยประเทศไนจีเรียและสาธารณรัฐอัฟริกากลาง
นักลงทุนที่มีมูลค่าสุทธิสูงชอบที่จะเข้าถึง cryptos โดยตรง
ล่าสุด การสำรวจเกี่ยวกับผู้จัดการความมั่งคั่งทั่วโลกที่ดำเนินการโดย GlobalData ซึ่งเป็นบริษัทด้านข้อมูลและการวิเคราะห์ชั้นนำ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนที่มีรายได้สูง (HNW) ให้ความสนใจมากขึ้น การได้มาซึ่งสินทรัพย์ crypto จริง ๆ เมื่อเทียบกับการลงทุนในกองทุน
ในขณะที่พอร์ตโฟลิโอของ HNW โดยเฉลี่ยในปัจจุบันถือเพียง 1.4% ใน crypto ตัวเลขนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไปเนื่องจากการนำไปใช้ที่สูงขึ้น
ตามที่ Sergel Woldemichael นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการบริหารความมั่งคั่งที่ GlobalData ระบุว่ามีนักลงทุน HNW จำนวนมากที่ตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน crypto และต้องการการเข้าถึงโดยตรงสำหรับความเป็นไปได้ของกำไรที่เกินมาตรฐาน เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของเงินทุน
“ศักยภาพของผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นคือสิ่งที่ดึงนักลงทุนเข้าสู่กลุ่มสินทรัพย์ เนื่องจากใช้พอร์ตโฟลิโอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาจึงยินดีที่จะรับความเสี่ยงสูงสุด” โวลเดมิเชลกล่าว
“แม้ว่าผู้จัดการความมั่งคั่งบางคนยังคงตั้งคำถามกับคริปโตเคอเรนซีและการมีอายุยืนยาว แต่ความต้องการของลูกค้าได้บีบบังคับผู้เล่นระดับโลก สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความมั่งคั่งของลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การให้ทั้งเส้นทางโดยตรงในการลงทุน crypto และตัวเลือกกองทุนเป็นสิ่งสำคัญ”