xs
xsm
sm
md
lg

ส่องงบ CPALL โค้ง 3 คาดกำไรโต 138% เชียร์หุ้นน่าเก็บ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โบรกเกอร์ประสานเสียง กำไร CPALL โค้ง 3 ปีนี้เติบโตก้าวกระโดด 113-138% อยู่ที่ 3.12-3.5 พันล้านบาท หลังร้าน 7-11 ฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวต่ำตลาดถึง 12% เชียร์ซื้อหลังราคาหุ้นลดลงแล้ว 12% โดยมีราคาเป้าหมายที่ 72-76 บาท ขณะที่แนวโน้ม Q4/65 คาดกำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยว

บัวหลวงคาดกำไรโค้ง 3 โต 113% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.บัวหลวง คาดการณ์กำไรหลักของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ใน Q3/65 อยู่ที่ 3.12 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 113% YoY และ 2% QoQ หนุนโดยยอดขายสาขาเดิม หรือ SSSG ที่ 20% รายได้รวมเติบโต 61% YoY แต่ลดลง 3% QoQ และคาดอัตรากำไรขยายตัวจากการปรับเพิ่มราคา โดย GM จะอยู่ที่ 21.5% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 75 บาท

ส่วนแนวโน้ม Q4/65 คาดกำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยว และในปี 66 ประเด็นต้นทุนยังกดดันในครึ่งปีแรก (จากค่าไฟฟ้า) แต่คาดว่าจะชดเชยได้ด้วยยอดขายที่เติบตามจำนวนลูกค้า และ Lotus’s ที่ฟื้นตัว ส่วนราคาหุ้นที่ปรับตัวลงต่อเนื่องจากแรงกดดันประเด็น Metro India จนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี มอง Risk/Rewards คุ้มค่าแล้ว

บล.โนมูระแนะ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 72 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน แนะนำซื้อ หุ้น CPALL ให้ราคาเป้าหมายที่ 72 บาทต่อหุ้น ซึ่งคาดว่ากำไรปกติงวดไตรมาส 3/65 จะอยู่ที่ 3.50 พันล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 138% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกำไรที่โตเด่นมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน คาดยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และอัตรากำไรจากการดำเนินงานของร้านเซเว่นพุ่งขึ้นเด่นเป็น +22% และ 5.8%

ส่วน QoQ กำไรจะโต +14% ตามผลบวกการทยอยปรับขึ้นราคาขายของสินค้าในร้านเซเว่นและส่วนผสมสินค้ากลุ่ม high margin หนุนอัตรากำไรขั้นต้นรวมที่จะปรับขึ้น +60bps QoQ เป็น 21.6% ใน Q3/65

สำหรับแนวโน้ม Q4/65 คาดกำไรโตต่อเนื่องตามภาวะท่องเที่ยว ร้านเซเว่นที่จะได้อานิสงส์การปรับราคาขายสินค้าขึ้นเต็มไตรมาส และธุรกิจ MAKRO คาดเห็นรายจ่าย IT และ rebrand ในธุรกิจโลตัสส์น้อยลง

ดังนั้น จึงคงประมาณการกำไรปกติปี 65 ที่ 1.48 หมื่นล้านบาท โต 70% และคาดปีหน้าขยายตัวอีก 45%

ทั้งนี้ จากราคาหุ้น 3 เดือนที่ผ่านมาปรับลง 12% แย่กว่ากลุ่ม เพราะกังวลดีลเข้าลงทุน METRO อินเดีย ในขณะที่ล่าสุด MAKRO ส่งสัญญาณไม่เข้าร่วมลงทุนกิจการ METRO อินเดีย จึงมองเป็นโอกาสซื้อ

ทิสโก้ชี้ 4 ปัจจัยทำหุ้นตกต่ำก่อนหน้า แนะซื้อ เป้า 76 บาท

ส่วนบทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.ทิสโก้ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 76 บาท โดยมองมูลค่าถูกเกินไปที่ระดับนี้ ซึ่งราคาหุ้น CPALL ปรับตัวแย่กว่า SET ถึง 12% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สาเหตุที่เป็นไปได้ที่ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำ จากความกังวล 4 ข้อ

1.ประเด็นที่สร้างแรงกดดันกับราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง ประการแรกคือ ผลกระทบด้านลบจากอุทกภัยในประเทศไทยในปัจจุบัน แม้ว่าน้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อ SSSG ในเดือนกันยายน แต่เราเห็นตัวเลขที่ดีขึ้นในเดือน ก.ค./ส.ค. โดยมี SSSG ที่เหมาะสมในพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

ดังนั้น คาดว่า SSSG จะดีขึ้นใน qoq ที่ 16-19% (เทียบกับ 14.2% ใน Q2/65 ) โดยใน Q4/65 ควรได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวขาเข้าเพิ่มขึ้น

2.ผลกระทบจากต้นทุนสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของค่า FT จะทำให้ค่าสาธารณูปโภคสูงขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ในกรณีที่เลวร้ายจะเกิด downside 1.5-1.7 พันล้านบาทต่อกำไรสุทธิปี 66

อย่างไรก็ตาม CPALL ได้มีความคิดที่จะเริ่มควบคุมต้นทุน เช่น หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ ผลกระทบที่แท้จริงจึงควรที่จะลดลง นอกจากนี้ ด้วยยอดขายที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ผลกระทบต่อ SG&A ต่อยอดขายน่าจะค่อนข้างน้อย แม้ว่าเราจะพิจารณาถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด แต่การประเมินมูลค่ายังคงถูกอยู่หลังจากราคาหุ้นตกต่ำลงเมื่อเร็วๆ นี้

3.ความกังวลต่อศักยภาพการเข้าซื้อกิจการเมโทรในอินเดีย เราต้องการเน้นว่าความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะทำให้มีความท้าทายมากขึ้นสำหรับการสรุปข้อตกลงดังกล่าวของทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้น ความกังวลใน MAKRO และ CPALL น่าจะคลายลงเมื่อได้รับการสื่อสารที่ชัดเจนจากทั้งสองฝ่าย

4.สงสัยว่านักเก็งกำไร (ต่างชาติ) บางราย (ไม่เกี่ยวข้องปัจจัยพื้นฐานของ CPALL) ใช้ CPALL ร่วมกับหุ้นใหญ่อื่นๆ เพื่อเก็งกำไรค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้มีการขายชอร์ตของ CPALL เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าบัญชีเดินสะพัดของไทยจะปรับตัวดีขึ้นใน Q4/65 ซึ่งอาจช่วยให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ และความต้องการขายชอร์ตก็ควรลดลงเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น