ผู้ถือหุ้นรายย่อยบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC กำลังหวั่นไหว เพราะราคาหุ้นทรุดลงต่อเนื่อง และใกล้สร้างจุดต่ำสุดในรอบปี
MTC ย่ำฐานอยู่ระดับ 40 บาทต้นๆ มาพักใหญ่ แต่นับจากวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ปักหัวลง และลงต่อเนื่อง 7 วันทำการ จนเมื่อวันพุธ ระหว่างชั่วโมงซื้อขายทรุดลงต่ำสุดที่ 40 บาท ก่อนจะขึ้นมาปิดที่ 40.50 บาท ลดลง 1.25 บาท มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 1,080.40 ล้านบาท
ในรอบ 12 เดือน MTC เคยพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 64.25 บาท และต่ำสุดที่ 40.25 บาท ล่าสุดกำลังถอยลงมาแตะระดับต่ำสุด ซึ่งหากแนวโน้มราคาทรุดลงต่อ คงได้เห็นจุดต่ำสุดใหม่ของหุ้นที่ดำเนินธุรกิจจำนำทะเบียนรถยักษ์ใหญ่แห่งนี้
ไม่มีข่าวร้ายกระทำต่อ MTC โดยตรง เพียงแต่แนวโน้มธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถไม่สดใสเหมือนหลายปีก่อนหน้า เพราะมีผู้ประกอบการที่แข็งแกร่งรายใหม่ๆ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่เข้าสู่สนาม ทำให้การแข่งขันรุนแรง
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามากำกับดูแลธุรกิจนอนแบงก์มากขึ้น มีการกำหนดเพดานดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการโขกดอกเบี้ยลูกค้าสูงเกินไป
และอีกปัจจัยที่กังวลคือ ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ซึ่งคาดว่าจะสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นผลพวงจากเศรษฐกิจตกต่ำ จนลูกหนี้ไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระ ทำให้รายได้ของ MTC ชะลอตัวลง
หุ้นกลุ่มนอนแบงก์ โดยเฉพาะธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอยู่ในช่วงขาลง ราคาหุ้นปรับฐานลงมาในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าหุ้น บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD หุ้นบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR
ตั้งแต่ต้นปีหุ้นกลุ่มจำนำทะเบียนรถปรับตัวลงตลอด แม้จะถูกจุดพลุการเก็งกำไร ราคาดีดตัวกลับขึ้นมาบ้าง แต่เกิดขึ้นในช่วงสั้นบางครั้งคราวเท่านั้น แต่แนวโน้มใหญ่ราคาปรับฐานลง และไม่อาจคาดหมายในจุดต่ำสุดของหุ้นกลุ่มนี้ได้
เช่นเดียวกับ MTC ซึ่งถ้าพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการยังดูดีอยู่ แต่ราคาส่งสัญญาณในทิศทางที่ไม่สู้จะดี
ปี 2563 MTC มีกำสุทธิ 5,213.92 ล้านบาท ปี 2564 กำไรสุทธิ 4,944.55 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 2,756.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,643.73 ล้านบาท
แต่กำไรที่ถือว่ายังดีอยู่ในช่วง 6 เดือนแรก กลายเป็นเรื่องอดีตซึ่งนักลงทุนไม่ให้น้ำหนักความสำคัญมากนัก เพราะกำลังกังวลอยู่กับผลประกอบการอนาคต โดยเฉพาะครึ่งปีหลังที่กลัวว่า NPL จะพุ่งขึ้น ฉุดให้กำไรบริษัทลดลง
และราคาหุ้นตกลงตามไปด้วย
ค่าพี/อี เรโช MTC ลงมาต่ำสุดในรอบหลายปี โดยอยู่ที่ประมาณ 17 เท่า สะท้อนถึงความคาดหมายผลประกอบการในอนาคตที่อาจชะลอตัวลง จากก่อนหน้าที่ค่าพี/อี อยู่ในระดับเกือบ 30 เท่า เนื่องจากนักลงทุนประเมินว่าเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง จึงกล้าซื้อหุ้นในราคาสูง
แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาต่ำระดับนี้ นักลงทุนกลับไม่กล้าเสี่ยง เพราะผวาจะลงต่อจนทะลุจุดต่ำสุดเดิม
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ MTC ประกอบด้วยกลุ่มเพชรอำไพ ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วนกว่า 67% ของทุนจดทะเบียน มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 17,242 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 32.10% ของทุนจดทะเบียน และน่าจะติดหุ้นต้นทุนสูงกันถ้วนหน้า
ถ้าจุดเลวร้ายสุดขีดของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถผ่านพ้นไปแล้ว ถ้าราคาหุ้น MTC ถึงจุดต่ำสุดหรือใกล้จุดต่ำสุดแล้ว คงเป็นจะจังหวะที่ดีในการเข้าไปช้อนเก็บ
แต่ใครจะบอกได้ว่า MTC ลงมาต่ำเตี้ยติดดินแล้ว
