"ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย (24CS) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3.40 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 23 และ 26-27 ก.ย. โดยมี บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน"
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเชีย เวลท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและไม่รับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ 24CS เปิดเผยว่า คาดว่าหุ้นของ 24CS จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้างในวันที่ 3 ต.ค.
ด้านนายยศวีย์ วัฒนธีระกิจจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 24CS เปิดเผยว่า 24CS ได้ลงนามแต่งตั้ง บล.เอเชีย เวลท์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและไม่รับประกันการจัดจำหน่าย พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและไม่รับประกันการจำหน่ายอีก 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บล.พาย และ บล.ฟินันเซียไซรัส
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) โดยราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 3.40 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 48.57 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (วันที่ 1 ก.ค.64-30 มิ.ย.65) ซึ่งเท่ากับ 29.14 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) เท่ากับ 430.00 ล้านหุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.07 บาท
โดย P/E ที่เสนอขายยังไม่ได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ที่ ณ สิ้นไตรมาส 2/65 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 1,168 ล้านบาท และยังไม่รวมโอกาสในการเข้าประมูลงานเพิ่มเติมระหว่างปีที่ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ 2.ขีดความสามารถในการรับงานเอกชนทั้งในส่วนของงานอาคารและงานโรงงานจากเงินทุนหมุนเวียนที่สูงขึ้นภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 3.แนวโน้มต้นทุนก่อสร้างที่ลดลงจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น เหล็กและสังกะสีที่ปรับตัวลดลง และ 4.อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่อาจดีขึ้นจากความประหยัดต่อขนาดรายได้ตามการเพิ่มขึ้นของฐานรายได้จากงานโครงการ
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 422 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท โดยมีระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 65-66 เพื่อรองรับงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งในด้านจำนวนโครงการและมูลค่าโครงการ เพื่อสร้างโอกาสการเข้าประมูลงานโครงการที่ทยอยออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 บริษัทประเมินว่ารายได้น่าจะเติบโตได้มากกว่า 100% หลังจากครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 406.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่ง 24CS เป็นผู้ดำเนินธุรกิจในส่วนระบบประกอบอาคาร จึงถือเป็นปัจจัยบวก
อีกทั้ง ณ สิ้นไตรมาส 2/65 บริษัทยังมีมูลค่างานในมือ (Backlog) รวมจำนวน 1,168 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบส่วนใหญ่ภายในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบในปีถัดไป นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการรอฟังผลเข้าประมูลงานใหม่ ทั้งงานจากภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมเกือบ 2,000 ล้านบาท คาดจะทยอยรู้ผลตั้งแต่ไตรมาส 3/65 นี้