ในบรรดาหุ้นกลุ่มเปิดเมือง หรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวด้วยกัน ดูเหมือนหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่สุด ราคาเกือบทะลุลงสร้างจุดต่ำสุดใหม่
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา MINT ถูกถล่มขายอย่างหนัก ราคาระหว่างชั่วโมงซื้อขายลงไปต่ำสุดที่ 27.25 บาท และเกือบแตะจุดต่ำสุดในรอบ 12 เดือนที่ 27 บาท
ก่อนกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ 28.25 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,818.83 ล้านบาท
ภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ถดถอยในยุโรป ทำให้นักลงทุนกังวลว่ารายได้ของ MINT จะถูกกระทบ จึงชิงเทขายหุ้นลดความเสี่ยง
นับจากปี 2563 ผลประกอบการของ MINT ทรุดลง ขาดทุนต่อเนื่อง โดยปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 21,407.34 ล้านบาท ปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 13,166.51 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ขาดทุน 2,232.23 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 11,173.64 ล้านบาท
MINT มีรายได้หลักจากธุรกิจโรงแรมหลายแห่งในยุโรป แต่ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น เงินเฟ้อที่พุ่งอย่างน่ากลัว ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ กำลังซื้อที่หดลง ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งที่มารายได้สำคัญของ MINT
นอกจากนั้น บริษัทยังแบกหนี้ก้อนโตจำนวน 285,115.11 ล้านบาท และมีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยปีละนับหมื่นล้านบาท ซึ่งจะฉุดรั้งผลประกอบการให้ลดลง
MINT เคยเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม ขณะที่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศให้ความสนใจ เข้ามาซื้อหุ้นจำนวนมาก ส่วนนักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปซื้อไม่น้อย จนเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมากถึง 40,292 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 61.28% ของทุนจดทะเบียน
โดยบริษัท เมเนอร์ โฮลดิ้ง (ไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 15.81% และนายนิติ โอสถานุเคราะห์ ถือหุ้นรองลงมาในสัดส่วน 9.54%
แรงขายที่ถล่มใส่ MINT เมื่อวันพฤหัสบดี ไม่น่าจะเกิดจากนักลงทุนรายย่อย แต่น่าจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบัน โดยขายในลักษณะเทกระจาด และนักลงทุนรายย่อยอาจเข้าไปรับ ส่วนหนึ่งเพื่อเฉลี่ยต้นทุนหุ้นที่ซื้อมาแพงก่อนหน้า
แต่อีกส่วนหนึ่งอาจมองว่า ราคาไหลลงมาต่ำจนน่าสนใจจึงช้อนเก็บไว้ หวังเก็งกำไรเมื่อหุ้นดีดกลับ
มองไม่เห็นว่าจะมีปัจจัยใดที่จะกระตุ้นให้ MINT ดีดตัวกลับมาได้ในระยะสั้น มีแต่ปัจจัยลบที่กดดัน ทำให้หุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ
และหากแรงขายที่ไหลทะลักออกมาในรอบนี้ เกิดจากรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบัน การปรับฐานของ MINT อาจไม่จบลงง่ายๆ
แนวรับในจุดต่ำสุดเดิมที่ 27 บาท จะรับอยู่หรือไม่ต้องประเมินกันอีกครั้ง
นักวิเคราะห์โบรกเกอร์หลายสำนักประเมินราคาเป้าหมาย MINT ไว้ก่อนหน้า โดยเฉพาะอยู่ที่ 41 บาท และส่วนใหญ่แนะนำให้เก็บหรือช้อนซื้อหุ้น แต่บางโบรกเกอร์เริ่มทยอยปรับลดประมาณการราคาเป้าหมายลงบ้างแล้ว โดยนำผลกระทบจากวิกฤตพลังงานและเศรษฐกิจยุโรปเข้ามาคำนวณด้วย
ราคาที่ปรับตัวลงมารอบนี้ ถ้าเทียบกับราคาในช่วงรุ่งโรจน์ของ MINT ในอดีต ทำให้น่าสนใจเข้าไปเก็บเหมือนกัน แต่แนวโน้มผลประกอบการที่ไม่สดใส หรือต้องแบกขาดทุนต่อเนื่อง ทำให้ต้องทบทวนการตัดสินใจ
เพราะ MINT เข้าสู่ช่วงขาลง การปรับฐานยังไม่สะเด็ดน้ำ ใจเย็นๆ รอจังหวะดี มีโอกาสเก็บของถูกกว่าวันนี้