MINT-SHR ควงแขนร่วงแรง 5% และ 9% ตามลำดับ หลัง "เครดิต สวิส" ปรับลดคำแนะนำราคาเป้าหมาย จากเหตุมีสาขาโรงแรมในยุโรป และอังกฤษ ขณะที่มีความกังวลปัญหา ศก.ยุโรปชะลอตัว และอาจเกิดภาวะถดถอย ตลอดราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นกระทบต้นทุน ด้านผู้บริหารมั่นใจล็อกต้นทุนไว้แล้ว เชื่อผลงานปลายปีสดใส อัตราการเข้าพุ่งเกิน 70% ภายในช่วง 2 เดือนข้างหน้า
วันนี้ (15 ก.ย. ) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ปรับตัวลดลงทันทีเมื่อเปิดตลาด และปรับลดลงต่ำสุด 6.72% อยู่ที่ 27.75 บาท หรือลดลง 2 บาท ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ก่อนจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 28.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 5.04% เมื่อปิดการซื้อขาย โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 2,810 ล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาหุ้นบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ก็ปรับลดลงเช่นกัน โดยราคาหุ้นลดลงไปต่ำสุด 9.52% อยู่ที่ 3.42 บาท ลดลง 0.36 บาท หรือต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
MINT-SHR กอดคอร่วง หลังเครดิต สวิสลดน้ำหนักลงทุน
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น MINT และ SHR ปรับลงแรงหลังจาก "เครดิต สวิส" โบรกเกอร์ต่างชาติได้ปรับลดคำแนะนำลงทุนในหุ้นโรงแรมทั้ง 2 บริษัท
โดยเครดิต สวิส ปรับลดคำแนะนำลงทุนหุ้นและราคาเป้าหมายของ MINT และ SHR โดยหุ้น MINT ลดเหลือ 25.50 บาท จาก 39 บาท ส่วน SHR ลดเหลือ 4.20 บาท จาก 5.45 บาท
สำหรับประเด็นหลักที่ปรับคำแนะนำลง คือ ให้น้ำหนักไปที่มีความกังวลต่อเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว เพราะคนยุโรปกำลังเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากราคาพลังงานที่ปรับขึ้น ส่งผลกำลังซื้อลดลง ขณะที่การใช้จ่ายในการท่องเที่ยวน่าจะชะลอลง และมองใน 2-3 ไตรมาสข้างหน้า ยุโรปจะเป็นภูมิภาคหนึ่งที่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดังนั้น จึงปรับคำแนะนำลง เพราะความเสี่ยงในยุโรป ราคาหุ้นจึงปรับลงแรง เพราะ MINT มีโรงแรมอยู่ในยุโรป และ SHR มีโรงแรมในอังกฤษ อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในไทยยังฟื้นตัวได้ดีอยู่
ผู้บริหาร MINT มั่นใจคุมต้นทุนได้ เหตุป้องกันความเสี่ยงไว้แล้ว
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน MINT กล่าวว่า กรณีที่มีโบรกเกอร์บางรายได้ปรับลดคำแนะนำหุ้น MINT ลง เพราะความกังวลต่อเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวและราคาพลังงานที่ปรับขึ้นนั้น ยืนยันว่าบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ธุรกิจโรงแรมในยุโรปได้
"บริษัทฯ ได้ป้องกันความเสี่ยงด้านราคาพลังงานเพื่อลดผลกระทบจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยได้เข้าไปเจรจาผู้ประกอบการด้านไฟฟ้า หรือเอ็นเนอร์ยี ซัปพลาย เพื่อล็อกราคาในระดับคงที่ช่วงระยะกลาง-ยาวไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา" นายชัยพัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ แม้ต้นทุนด้านราคาพลังงานในยุโรปจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังมีสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยเพียงระดับ 3-4% เมื่อเทียบกับรายได้รวมของบริษัท ขณะที่บริษัทได้มีการปรับเพิ่มราคาห้องพักนับตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงมีการปรับปรุงโรงแรมต่างๆ ให้มีสภาพที่ดีและสามารถปรับเพิ่มราคาได้อีกในอนาคต โดยปัจจุบันโรงแรมในยุโรปมีอัตราค่าห้องพัก (Room Rate) เฉลี่ยระดับ 140 ยูโรต่อห้อง
ขณะที่ทิศทางกลุ่มลูกค้าในยุโรปมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในช่วง 2 เดือนข้างหน้า อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) เฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเกินระดับ 70% จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 60-70% เนื่องจากผู้เดินทางในยุโรปจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังได้อานิสงส์จากการเดินทางท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้น