ธปท.เผยความสำเร็จ sandbox ช่วยให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินเพิ่มขึ้น ทั้งการใช้คิวอาร์โค้ดพร้อมเพย์การสแกนใบหน้าเปิดบัญชีระบุถึงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีการโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 330 ล้านครั้งต่อปีจำนวนธุรกรรมผ่านโมบายและอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งพุ่ง 57.9% ผ่านพร้อมเพย์พุ่ง 77.3% มีคนสแกนใบหน้าเปิดบัญชีแล้วกว่า 5 ล้านราย
น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายระบบการชำระเงิน กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ธปท.ได้เปิดให้ผู้ประกอบการทางการเงินเข้าร่วมพัฒนานวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ผ่าน Sandbox โดยที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดทดสอบมีสถาบันการเงินเข้ารับการทอสอบนวัตกรรมทางการเงินทั้งสิ้น 78 แห่ง และจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. จะมีโครงการที่ผ่านการทดสอบและประสบความสำเร็จออกให้บริการในวงกว้างแล้ว 48 เรื่อง โดยประกอบด้วย 4 โครงการ
โครงการสำหรับการให้บริการคิวอาร์โค้ด 18 แห่ง มีจุดให้บริการคิวอาร์โค้ดในร้านค้าทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก จำนวน 7.2 ล้านแห่งทั่วประเทศ ส่งผลให้เกิดธุรกรรมทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยล่าสุดมีปริมาณธุรกรรมการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้น 330 ล้านครั้งต่อปี มีบัญชีอินเทอร์เน็ต และโมบายแบงกิ้ง 125.8 ล้านบัญชี จำนวนธุรกรรมทั้งสิ้น 1,641.3 รายการ เพิ่มขึ้น 57.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7.71 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 26.2% ขณะเดียวกัน สิ้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมามีบัญชีที่ใช้บริการพร้อมเพย์ทั้งสิ้น 69.5 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 22.5% จำนวนธุรกรรม 39.6 รายการ เพิ่มขึ้น 77.3% มูลค่าธุรกรรม 111,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.2% และส่วนใหญ่เป็นธุรกรรมที่ต่ำกว่า 100 บาทต่อรายการเพิ่มมากขึ้น
โครงการต่อไปเป็นการยืนยันตัวตนโดยใช้ลักษณะทางชีวภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการใช้ใบหน้าในการเปิดบัญชีทางการเงินโดยไม่ต้องเดินทางมาที่ธนาคาร รวมทั้งการทำธุรกรรมทางดิจิทัลกับหน่วยงานที่เข้าร่วม โดยล่าสุดมีผู้ผ่านการทดสอบและให้บริการ 10 โครงการ มีหน่วยงานที่ร่วมในการพิสูจน์ยืนยันตัวตนดิจิทัลทั้งสิ้น 94 หน่วยงาน มีลูกค้าลงทะเบียนแล้ว 5.1 ล้านราย มีการเปิดบัญชีเงินฝากผ่านช่องทางดังกล่าวแล้ว 750,000 บัญชี
โครงการที่ 3 เป็นโครงการที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการออกหนังสือค้ำประกันและการโอนเงินระหว่างประเทศ มีผู้ให้บริการแล้ว 9 ราย ซึ่งส่งผลให้สามารถออกหนังสือค้ำประกันได้เร็วขึ้นใน 1-8 ชั่วโมง และโอนเงินไปต่างประเทศได้ภายใน 3-5 นาที จากเดิม 3-7 วัน ลดค่าใช้จ่ายการโอนเงินจาก 500-600 บาท เหลือ 199 บาทต่อรายการ
ขณะที่โครงการสุดท้ายคือการขอสินเชื่อบุคคลกับบุคคลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ p to p lending มีผู้ได้รับอนุญาตแล้ว 1 ราย วงเงิสินเชื่อ 57 ล้านบาท จำนวนบัญชีสินเชื่อ 800 บัญชี อัตราดอกเบี้ย 4-7% ทั้งนี้ในช่วงต่อไปนั้นจะพัฒนา sandbox ให้สามารถใช้ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เพื่อให้การให้อนุญาตง่ายขึ้นและครบวงจร ขณะเดียวกัน ธปท.เตรียมที่จะออกแนวทางการดำเนินการของธนาคารดิจิทัล และการทำธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซีในส่วนที่เห็นว่าได้ประโยชน์ต่อตลาดการเงินและลูกค้า และหลังจากนั้นจะเปิดให้เข้ามาทดสอบใน sandbox ต่อไป โดยจะสนับสนุนให้ฟินเทคเข้ามาทดสอบเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีความหลากหลายในการให้บริการในตลาดการเงินไทย