xs
xsm
sm
md
lg

KBANK จับมือหัวเว่ยเดินหน้า GO GREEN Together ตั้งเป้าปล่อยกู้ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ 5 พันล้านบาทในปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กสิกรไทยจับมือหัวเว่ย มุ่งสร้างสังคมสีเขียว รับกระแสกรีนที่กำลังเติบโต ร่วมกันสนับสนุน Green ecosystem แบบครบวงจร ทั้งผู้รับเหมาติดตั้ง เจ้าของบ้าน และเจ้าของธุรกิจด้วยสินเชื่อสีเขียว หวังให้มีบ้านติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ 30,000 หลังคาเรือน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 265,000 ตัน ภายใน 1 ปี พร้อมช่วยลดบิลค่าไฟฟ้าให้ผู้ติดตั้ง

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารกสิกรไทยเปิดโครงการ GO GREEN Together ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและหลังคาโซลาร์เซลล์ ทำให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยในปี 2565 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าตลาดหลังคาโซลาร์เซลล์ภาคธุรกิจมีการติดตั้งเพิ่มขึ้น 125.9 เมกะวัตต์ เติบโต 54.2% จากปีก่อน รวมถึงในภาคครัวเรือนก็เติบโตขึ้นจากโครงการบ้านใหม่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น จากกระแสรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแนวโน้มของค่าไฟที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม การนำพาโครงการดังกล่าวไปสู่วงกว้างมากขึ้นต้องอาศัยเทคโนโลยีและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญมาเชื่อมโยงกับธุรกิจของธนาคารที่มีเงินทุนให้ กสิกรไทยจึงต้องมองหาพันธมิตรที่ความเป็นโกลบอล มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยีและเอ็นจิเนียร์ในการต่อยอดโครงการต่อไปทั้งในปัจจุบันและเพิ่มเติมอีกในอนาคต เนื่องจากกระแส Greene cosystem เป็นกระแสทั่วโลกซึ่งประเทศไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องดำเนินไปตามกระแสดังกล่าว โดยล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมมือกับหัวเว่ย ผู้นำในตลาดดิจิทัลเพาเวอร์ และมีเครือข่ายผู้ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง เป็นการร่วมมือกันสนับสนุน Green ecosystem

โดยความร่วมมือดังกล่าวจะส่งมอบทั้งด้านการเงินและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมให้แก่ผู้ใช้งานครบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ คือ ผู้รับเหมาติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ เจ้าของบ้าน และเจ้าของธุรกิจ เพื่อชวนให้ทุกคนมาร่วมกันรักษ์โลกและได้ประโยชน์จากการลดค่าไฟฟ้า โดยบ้านหนึ่งหลังจะลดค่าไฟได้ประมาณ 36,500 บาทต่อปี เมื่อติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ 5 kW

"หลังจากเปิดโครงการ GO GREEN Together ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดปล่อยกู้ไปแล้วกว่าพันล้านบาท ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าได้รับความสนใจอย่างมาก จึงได้เริ่มหาพาร์ตเนอร์ที่จะสามารถ up skill ต่อไป ซึ่งหัวเว่ยมีทั้งเทคโนโลยีระดับโกลบอล และบุคลากรด้านเอ็นจิเนียร์ที่จะนำเสนอบริการได้อย่างครอบคลุม ไปพร้อมไปกับกสิกรฯ ที่มีโครงการสินเชื่อให้ โดยในเบื้องต้นตั้งเป้าวงเงินไว้ 5,000 ล้านบาทในปีนี้ และพร้อมเติมเมื่อครบ โดยมองว่าในอนาคตที่เราจะมีพาร์ตเนอร์ มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่กำลังพัฒนาออกมาอีก สินเชื่อส่วนนี้อาจจะเพิ่มเป็นแสนล้านในอีก 10 ปีข้างหน้าก็เป็นได้"

ด้าน นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการผสมผสานจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย ในการส่งเสริมสร้างสังคมสีเขียวในประเทศไทย ด้วยจุดแข็งของหัวเว่ยในด้านการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะพลังงานดิจิทัล บวกกับความเป็นผู้นำด้านการเงินของธนาคารกสิกรไทย จะช่วยส่งมอบโซลูชันทางการเงินรูปแบบต่างๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว โดยจะกระตุ้นตลาดโซลาร์เซลล์ในประเทศไทย รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคที่สนใจการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในภาคครัวเรือน ด้วยข้อเสนอหรือการผ่อนชำระพิเศษของธนาคารกสิกรไทย

นอกจากนั้น หัวเว่ยยินดีที่จะร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในโครงการอื่นๆ สำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เพื่อสร้างกรณีตัวอย่างให้มากขึ้นในตลาด โดยหัวเว่ยจะผลักดันให้ผู้ติดตั้งระบบทั่วประเทศร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย และศูนย์การค้าต่างๆ ในการจัดงานโรดโชว์เพื่อช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจเรื่องโซลูชันโซลาร์เซลล์สำหรับใช้ในภาคครัวเรือนของหัวเว่ย และโครงการ “GO GREEN Together” ของธนาคารกสิกรไทยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังร่วมกับพาร์ตเนอร์รายต่างๆ เพื่อส่งมอบการฝึกอบรมทางเทคโนโลยีทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ในทุกสัปดาห์ ช่วยให้วิศวกรไฟฟ้าสามารถเรียนรู้ทักษะด้านการดีไซน์ การติดตั้ง และการบำรุงรักษาจนเกิดความเชี่ยวชาญ ช่วยให้ได้รับโอกาสหน้าที่การงานใหม่ๆ นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังจะช่วยหัวเว่ยในการฝึกอบรมพาร์ตเนอร์ให้มีความเข้าใจในเรื่องการเงิน ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถหาแหล่งเงินทุนได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีจำนวนครัวเรือนในประเทศไทยที่หันมาติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟฟ้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเทรนด์ตลาดบ่งชี้ว่าน่าจะมีการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์มากถึง 80,000 ครัวเรือนภายในปี 2565 เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ ทั้งนี้ อัตราเฉลี่ยของระยะเวลาการคืนทุน (Payback Period) ในการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 5 ปี โดยเจ้าของบ้านที่ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ยังสามารถเลือกข้อเสนอพิเศษจากธนาคารกสิกรไทยที่ผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 30 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในบ้านลงไปได้เป็นอย่างมากแล้ว ผู้ติดตั้งยังจะได้รับโซลูชันอินเวอร์เตอร์ที่มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ มีความเสถียรจากหัวเว่ย และสามารถดูข้อมูลกระแสไฟฟ้าผ่านมือถือได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งยังมีส่วนช่วยสนับสนุนเรื่องการพัฒนาคาร์บอนต่ำในประเทศอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อลดอัตราการปล่อยคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการแบบ E2E ลงกว่า 80% เมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นที่มีประสิทธิภาพเท่ากัน และยังมีเป้าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 2.7 เท่า โดยหัวเว่ยได้ผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์เพื่อพัฒนาบริการเชิงนวัตกรรมด้านดิจิทัลเพาเวอร์ ทำให้สามารถใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมา ช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงไปได้ถึง 230 ล้านตัน

นายพิพิธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวเพื่อสร้าง Green ecosystem มีรายละเอียดดังนี้
1.ผู้รับเหมาติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ : สนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้หมุนเวียนและเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจ เพื่อให้ผู้รับเหมาสามารถรับงานได้อย่างคล่องตัวไม่สะดุด นอกจากนี้ ธนาคารจะให้การสนับสนุนวงเงินสินเชื่อแก่ผู้รับเหมาที่ดำเนินธุรกิจลงทุนติดตั้งโซลลาร์เซลล์บนอาคารและจำหน่ายไฟฟ้าระยะยาวในราคาประหยัดให้แก่เจ้าของอาคาร
2.เจ้าของบ้าน : สนับสนุนสินเชื่อบ้านเพื่อติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ โปรโมชันพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี
3.เจ้าของธุรกิจ : สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจเพื่อติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ โปรโมชันพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 8 ปี

"ความร่วมมือในวันนี้เป็นโครงการที่ธนาคารกสิกรไทยและหัวเว่ยจะร่วมกันผลักดันให้เกิด Green Ecosystem ส่งเสริมให้ลูกค้าหันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มากขึ้น และเพื่อการลดคาร์บอนเป็นศูนย์ตามเป้าหมายของประเทศ สำหรับความร่วมมือในวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้มีบ้านติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ 30,000 หลังใน 1 ปี ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 265,000 ตัน หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ 33 ล้านต้น"
กำลังโหลดความคิดเห็น