แม้ว่าในช่วงปลายปี 2564 จะเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ 'โอมิครอน' ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปี 2565 แต่ความรุนแรงของอาการและการเสียชีวิตจากสายพันธุ์ดังกล่าว ไม่แรงเท่ากับสายพันธุ์ 'เดลตา' ประกอบกับประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยมีความพร้อมรับมือการระบาด ประชากรทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น รวมถึงมีตัวเลขของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง ประกอบกับแต่ละประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 เปิดให้มีการเดินทางมากขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวในหลายประเทศเริ่มเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายตามที่วางแผนไว้
ซึ่งประเทศไทยโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้วางเป้าหมายที่จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางมาไทยประมาณ 7-10 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 0.65-1.2 ล้านล้านบาท และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวกว่า 160 ล้านคนครั้ง สร้างเม็ดเงินหมุนเวียโดยรวม 1.3-1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดตัว "Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters" โดยวางเป็นแคมเปญส่งเสริมให้การท่องเที่ยวเดินไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งแน่นอนว่าการขับเคลื่อนดังกล่าวย่อมจะส่งผลต่อเนื่องไปยังบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีพอร์ตในธุรกิจโรงแรม รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรมและบริการอื่น ได้รับอานิสงส์ของการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ผลการดำเนินการเริ่มมีรายได้และกระแสเงินสดเพิ่มมากขึ้น
AWC ไตรมาสแรกรายได้เพิ่มขึ้น 151%
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า ในไตรมาสแรกปี 2565 มีรายได้รวมตามงบการเงิน 2,782 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 151% โดยคิดเป็นกำไรสุทธิตามงบการเงิน 645 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 1/2565 ของบริษัทมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนระดับที่สูงในช่วงต้นปี แต่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าการแพร่ระบาดครั้งก่อนหน้านี้ เนื่องจากสายพันธุ์ดังกล่าวมีอาการที่น้อยกว่า และประชาชนได้รับวัคซีนในอัตราที่สูง จึงทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ประกอบกับผลดีจากนโยบายการเปิดประเทศ และการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศที่มีแนวโน้มพัฒนาไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นนับตั้งแต่เกิดการระบาด ส่งผลให้ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทมีการฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที และสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายในปีนี้และก้าวกระโดดต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ รายได้รวมของบริษัทในไตรมาสดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากอัตราการเข้าพักในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในตลาด High-to-Luxury ที่ถือเป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัท โดยพบว่าโรงแรมของกลุ่มบริษัทมีค่าผลการดำเนินงานเทียบกับโรงแรมคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยโรงแรมที่มีค่า RGI (Revenue Generating Index) สูงสุดอยู่ที่ 245.9 รวมถึงการกลับมาฟื้นตัวของกลุ่มโรงแรมสำหรับประชุมสัมมนา (MICE) ซึ่งได้รับอานิสงส์จากนโยบายการเปิดประเทศ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทางภาครัฐ
SHR เครือสิงห์ฯ มั่นใจธุรกิจฟื้นตัวโดดเด่น ลงทุนต่อเนื่อง
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท โชว์รายได้จากการขายและให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ 1,690 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 3 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมรายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ จากการดำเนินงานปกติ (Adjusted EBITDA) ที่ 261 ล้านบาท นับเป็นการรายงาน Adjusted EBITDA ที่เป็นผลกำไร 3 ไตรมาสติดต่อกัน สะท้อนภาพการฟื้นตัวของภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ได้อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากการขายและให้บริการของพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 คิดเป็น 78% ของรายได้รวมทั้งหมด โดยมาตรการผ่อนคลายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผนวกกับปริมาณความต้องการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ และสาธารณรัฐมอริเชียส ส่งผลให้รายได้จากการขายและให้บริการในไตรมาสดังกล่าวของพอร์ตโรงแรมในประเทศไทย และพอร์ตโรงแรม Outrigger เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งสัญญาณบวกต่อรายได้ในอนาคตที่จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เมื่อหลายประเทศยกเลิกข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ และการให้บริการเส้นทางบินต่างๆ สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นปกติ ทำใหเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากสถิติการดำเนินงานในเดือนเมษายน อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของทั้งพอร์ตโฟลิโอเพิ่มขึ้นมาที่ 60% และคาดว่าตลอดทั้งปีจะเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการทยอยเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ
ด้วยปัจจัยหนุนดังกล่าว ประกอบกับนโยบายด้านการบริหารจัดการและการลงทุนโรงแรมแบบกระจายความเสี่ยง ตลอดจนการยกระดับการบริการเพื่อสอดคล้องต่อความต้องการสูงสุดของนักท่องเที่ยว การเพิ่มช่องทางการจองที่พักโรงแรมโดยตรง จะทำให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ของปี 2565 ที่วางไว้ราว 8,500 ล้านบาท
“ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน SHR ยังคงเดินหน้าตามแผนการเติบโตในระยะยาว ด้วยกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนของพอร์ตโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยวางงบการลงทุนใน 3 ปีข้างหน้ากว่า 2,800 ล้านบาท สำหรับเสริมแกร่งกลยุทธ์หมุนเวียนและต่อยอดการลงทุน ตลอดจนการลงทุนในการก่อสร้างโรงแรม SO/Maldives ซึ่งมีแผนเปิดตัวโครงการในปี 2566”
"ดุสิตธานี" รับอานิสงส์ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หนุนยอดรายได้
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในไตรมาสแรกปี 65 หากไม่รวมรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ บริษัทมีรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 6.1% และ 26.4% จากไตรมาส 1 ปี 64 และไตรมาส 4 ปี 64 สาเหตุหลักมาจากการทยอดฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมและการศึกษา โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น 45.1% มาอยู่ที่ 634 ล้านบาท มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของโรงแรมในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพักและค่าห้องเฉลี่ยส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องโดยรวมเพิ่มขึ้น 73.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 65 รายได้จากธุรกิจโรงแรมลดลงเล็กน้อย 2.3% เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้จากโรงแรมที่พัทยาและหัวหิน เนื่องจากการระบาดของโอมิครอนในช่วงต้นปี ขณะที่รายได้จากโรงแรมที่ภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
"แนวโน้มธุรกิจในปีนี้บริษัทคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะมีทิศทางที่ดีขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิดที่กดดันการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทยังคาดว่าจะเห็นภาพการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมที่ชัดเจนขึ้นในครึ่งหลังของปี 65 นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามามากขึ้น"
เครือ PF รายได้บริการและอสังหาฯ ปรับดีขึ้นนายสาธิต เกียรติกระจาย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายบัญชี บริษัทแกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND กล่าวว่า รายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมของกลุ่มบริษัท เพิ่มขึ้นจำนวน 90 ล้านบาท ตามรายได้ห้องพัก อาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากสถานการณ์โควิดเริ่มผ่อนคลายลงจากปีก่อน ปริมาณนักเดินทางเพื่อทำธุรกิจและท่องเที่ยวมีจำนวนมากขึ้น ทำให้อัตราการเข้าพักและราคาห้องพักถั่วเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
รายได้จากการขายอสังหาฯ ของบริษัทมีจำนวน 16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 8 ล้านบาท ตามการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการอสังหาฯ เพิ่มขึ้น รายได้อื่นของกลุ่มมีจำนวน 38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 16 ล้านบาท ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ยรับเงินให้กู้ยืมแก่การร่วมค้าตามเงินให้กู้ยืมที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ธุรกิจการลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท มาจากส่วนของการลงทุนในธุรกิจถุงมือยาง ซึ่งการก่อสร้างโรงงานและติดตั้งเครื่องจักรส่วนแรกใกล้เสร็จ และอีกส่วนมาจากการลงทุนธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งการก่อสร้างคอนโดฯ ใกล้แล้วเสร็จ