มาตรการผ่อนคลายโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปีต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลดีต่อเนื่องถึงภาพรวมของประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจต่างๆ ในการเดินหน้าลงทุนเพื่อรองรับการกลับมาเติบโตทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
ขณะที่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่างมีความเคลื่อนไหวในการลงทุนและเปิดโครงการใหม่อย่างคึกคัก เพื่อทดแทนสินค้าคงค้างที่ลดลงอย่างมาก โดย บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom หรือ LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ LPN ระบุว่า มีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล สะสมเดือนมกราคม-มีนาคม 65 ทั้งสิ้น 23,203 หน่วย เพิ่มขึ้น 140% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 64 และมีมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 80,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%
โดยกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมกลับมาเปิดตัวอีกครั้ง มีจำนวน 19 โครงการ จำนวน 15,236 หน่วย เพิ่มขึ้น 211% เทียบกับไตรมาสแรกของปี 64 คิดเป็น 66% ของจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่ คิดเป็นมูลค่ารวม 43,096 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มที่เติบโตอย่างร้อนแรงคงเป็นสินค้าโครงการบ้านพักอาศัย ที่ในไตรมาสแรกปี 65 เปิดตัวถึง 47 โครงการ จำนวน 7,967 หน่วย เพิ่มขึ้น 66% คิดเป็นมูลค่า 37,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% มีอัตราขาย ณ วันเปิดตัวโครงการเฉลี่ย 15%
อสังหาฯ Q1 รายได้-กำไรเริ่มโชว์ผลงาน
ยอดโอนแนวราบพุ่ง บวกคอนโดฯ เสริม
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทอสังหาฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 65 พบว่าหลายบริษัทยังคงสามารถสร้างรายได้จากการขาย มีรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการที่เริ่มสูงขึ้น อันเป็นสืบเนื่องมาจากมาตรการผ่อนคลายโควิด-19 ของภาครัฐ
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดฯ (100%JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 13,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 ที่มีรายได้รวม 10,773 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ 1,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่ากับ 23.3%
ทั้งนี้ แนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งสินค้าแนวราบและแนวสูงในปีนี้พบการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายได้ที่เกิดขึ้นในไตรมาส 1 สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงดีมานด์ที่เกิดขึ้นจริงในตลาดวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มส่งสัญญาณบวกให้เห็น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่
โดยไตรมาส 2 เอพี ไทยแลนด์ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 11 โครงการ มูลค่า 16,240 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการ มูลค่า 3,400 ล้านบาท ทาวน์โฮม 8 โครงการ มูลค่า 7,240 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 5,600 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 30 เมษายน 2565 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้นมูลค่า 16,150 ล้านบาท
นางศิริพร วังศพ่าห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่า รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ เท่ากับ 5,372.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1,769.72 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการโอนบ้านและทาวน์เฮาส์ 56% และที่เหลือ 44% จากอาคารชุด โดยในปีนี้บริษัทมีโครงการอาคารชุดสร้างเสร็จและครบกำหนดโอนทั้งหมด 7 โครงการ ซึ่งเริ่มทยอยโอนตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 65 เป็นต้นไป บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,177.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 436.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 59%
LH-ORI รายได้ค่าเช่าและบริการเติบโต
ขณะที่บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH โดยนายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ระบุว่า มีกำไรสุทธิ 1,931.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.72% เป็นผลมาจากในไตรมาส 1 ปี 65 มีรายได้จากการขายเท่ากับ 6,965.67 ล้านบาท ลดลง 2.44% และมีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับ 32.79%
ในด้านของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการมีจำนวน 661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.16% เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ในปี 65 มากขึ้นกว่าปีก่อน ทำให้รายได้ของกิจการโรงแรมเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน เพิ่มขึ้นจำนวน 70.16 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปี 65 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,776 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนคอนโดฯ และบ้านจัดสรรที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้า (Non-JV) กว่า 3,041 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจบริการ รายได้พิเศษจากกิจการร่วมทุน รวมถึงรายได้จากการบริหารโครงการร่วมทุนที่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 738 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ยังคงรักษาเสถียรภาพได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการร่วมทุน (Joint Venture Project) กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมานี้มีโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นถึง 5 โครงการ
พฤกษาฯ รายได้รวมเกือบ 6 พันล้าน
ธุรกิจ รพ.สร้างรายได้-ขายที่ดินเปล่า
น.ส.พรภัทร องนิธิวัฒน์ ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH กล่าวว่า ในไตรมาสแรกปี 65 บริษัทมียอดขายเท่ากับ 5,344 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 5,679 ล้านบาท รายได้จากกิจการโรงพยาบาล 244 ล้านบาท โดยบริษัทได้เริ่มดำเนินกิจการโรงพยาบาลวิมุตในเดือน พ.ค.64 รายได้อื่น 58 ล้านบาท และรายได้จากการขายที่ดินเปล่าจำนวน 643 ล้านบาท รวมรายได้เท่ากับ 5,981 ล้านบาท
ในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น 29.7% ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 26.7% ซึ่งมาจากอัตราต้นทุนขายอสังหาฯ ที่ลดลง ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 552 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.2% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มี.ค.65 กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ มีโครงการที่เริ่มขายและยังดำเนินการอยู่ จำนวน 142 โครงการ มูลค่ารวมโครงการ 151,404 ล้านบาท
LPN พร้อมส่งมอบ 3 โครงการกว่า 2.4 พันล้านบาท
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า ไตรมาส 1 มีโครงการที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมส่งมอบ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,480 ล้านบาท สามารถสร้างยอดขายได้ในไตรมาสนี้ถึง 2,220 ล้านบาท มาจากโครงการอาคารชุดพักอาศัย 75% และโครงการบ้านพักอาศัย 25% มียอดขายรอโอน (แบ็กล็อก) จำนวน 2,450 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปี 66
โดยในตัวเลขของกำไรสุทธินั้นเพิ่มขึ้น 55.73% เกิดจากรายได้จาการขายที่เพิ่มขึ้น 68.91% แบ่งเป็น 69% รับรู้รายได้จากโครงการอาคารชุด และ 31% โครงการบ้านพักอาศัย ส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน