xs
xsm
sm
md
lg

SET INDEX -0.14 จุด โบรกฯ ชี้นโยบายดอกเบี้ยเฟดอาจกดดันตลาดต่อเนื่อง 2-3 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SET INDEX -0.14 จุด โบรกฯ มองหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวนด์ขึ้นในสัปดาห์หน้า แต่อาจไปได้ไม่ไกล เหตุอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกยังกดดันอยู่ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2-3 เดือน พร้อมประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,595-1,600 จุด และแนวรับที่ 1,580 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 13 พ.ค. 2565 ปรับตัวลดลง -0.14 จุด หรือ -0.01% โดยปิดตลาดที่ 1,584.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 75,432.41 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนในวันนี้ ดัชนีรีบาวนด์กลับขึ้นมาได้ในช่วงเช้า ก่อนที่จะย่อตัวลงมาทรงตัวก่อนที่จะปิดในแดนลบ โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,597.58 จุด ขณะเดียวกัน ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,578.11 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 920 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 442 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 872 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +3,366.10 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,335.05 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,292.72 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -738.33 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 3,570.15 ล้านบาท ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2.JMT มูลค่าการซื้อขาย 2,444.92 ล้านบาท ปิดที่ 68.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
3.CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,981.37 ล้านบาท ปิดที่ 24.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท
4.IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,940.36 ล้านบาท ปิดที่ 46.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
5.CRC มูลค่าการซื้อขาย 1,898.89 ล้านบาท ปิดที่ 35.50 บาท ลดลง 1.25 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 172.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 3.61%
2.CBG ปิดที่104.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 3.98%
3.RCL ปิดที่45.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท หรือ 7.69%
4.AEONTS( XD) ปิดที่183.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.66%
5.INGER ปิดที่ 49.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 5.32%
 
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CPN ปิดที่ 59.25 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 4.05%
2.SCC ปิดที่ 358.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ 0.56%
3.RATCH ปิดที่ 38.25 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ 3.77%
4.SCB ปิดที่ 107.50 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ 1.38%
5.SYNEX ปิดที่ 20.60 บาท ลดลง 1.10 บาท หรือ 5.07%
 
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,165.05 จุด เพิ่มขึ้น 7.45 จุด หรือ 0.35% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 953.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.75 จุด หรือ 0.29% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 601.93 จุด เพิ่มขึ้น 14.19 จุด หรือ 2.41%

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวจากวันก่อนหน้า หลังจากช่วงเช้ารีบาวนด์ขึ้นทางเทคนิค โดยนักลงทุนยังคงติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมาทั้งหมดในสัปดาห์หน้า และตัวเลข GDP ไตรมาส 1/65 ของประเทศไทย

โดยมองว่าหากดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 1,580 จุด ได้มีโอกาสที่สัปดาห์ดัชนีจะรีบาวนด์ขึ้นได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าไปได้ไม่ไกล เนื่องจากปัจจัยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกจะยังคงกดดันอยู่ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2-3 เดือน

“ดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้ามีโอกาสที่จะรีบาวนด์ทางเทคนิคได้ แต่ยังไปได้ไม่ไกลเนื่องจากยังมีปัจจัยการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด และการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ โดยเฉพาะเฟดที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน 0.50% ในการประชุมครั้งถัดไป โดยในระยะต่อไปมีโอกาสที่จะปรับฐานลงได้อีก เพราะเมื่อเทียบแล้วตลาดไทยยังลงมาไม่เยอะเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ” นายวีระวัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายวีระวัฒน์ ได้ประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าแนวรับที่ 1,580 จุด และแนวต้าน 1,595-1,600 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น