หุ้นไทยร่วง -28.82 จุด โบรก ฯ ชี้ ตลาดทุนกลับสู่ความตึงเครียดอีกรอบหลัง FED ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน เม.ย. 8.3% เมื่อคืนวานนี้ อาจกดดันให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้อีกรอบ อีกทั้งไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนตลาด และ MSCI ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย มองภาพรวมการลงทุนวันพรุ่งนี้ยังมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอยู่มากโดยประเมินกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,575-1,580 จุด และแนวต้านที่ 1,600-1,605 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 12 พ.ค.2565 ปรับตัวลดลง 28.82 จุด หรือ -1.79% โดยปิดตลาดที่ 1,584.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 92,529.65 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ปรับตัวลงต่อเนื่องจากเมื่อวาน และเคลื่อนไหวในแดนลบอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,607.88 จุด ขณะเดียวกันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,580.10 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 362 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 235 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,654 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +3,372.99 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -622.86 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -817.85 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,932.28 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.JMT มูลค่าการซื้อขาย 3,934.70 ล้านบาท ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 4.25 บาท
2.PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 3,861.55 ล้านบาท ปิดที่ 44.75 บาท ลดลง 3.25 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,574.47 ล้านบาท ปิดที่ 142.50 บาท ลดลง 3.00 บาท
4.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,497.92 ล้านบาท ปิดที่ 36.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,318.51 ล้านบาท ปิดที่ 63.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.EGCO ปิดที่ 171.50 บาท เพิ่มขึ้น 10.50 บาท หรือ 6.52%
2.ADVANC ปิดที่ 216.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.93%
3.DMS ปิดที่ 26.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 4.00%
4.BH ปิดที่ 166.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.61%
5.BGRIM ปิดที่ 31.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.79%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SINGER ปิดที่ 47.00 บาท ปิดที่ 5.50 บาทหรือ 10.48
2.JMT ปิดที่ 68.50 บาท ปิดที่ 4.25 บาทหรือ 5.84%
3.MTC ปิดที่ 40.50 บาท ปิดที่ 4.00 บาทหรือ 8.99%
4.AEONTS( XD) ปิดที่ 180.50 บาท ปิดที่ 4.00 บาทหรือ 2.17%
5.JMART ปิดที่ 51.25 บาท ปิดที่ 3.50 บาทหรือ 6.39%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,157.60 จุด ลดลง -29.81 จุด หรือ -1.36% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 950.31 จุด ลดลง -11.35 จุด หรือ -1.18% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 587.74 จุด ลดลง -22.76 จุด หรือ -3.73%
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากเมื่อคืนนี้สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน เม.ย. 8.3% สูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้เกิดความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยหนุนตลาด ทำให้แรงขายทำกำไรออกมามากกว่าแรงซื้อ และยังต้องติดตามการปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI ในวันพรุ่งนี้ว่าจะมีการนำหุ้นเข้าและออกอย่างไร ทำให้ Sentiment ของตลาดในช่วงนี้ยังไม่ค่อยดี
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิค ซึ่งเป็นภาพในช่วงสั้น หลังจากเผชิญกับแรงขายออกมามากแล้ว แต่ยังต้องติดตามทิศทางของตลาดต่างประเทศและปัจจัยต่างประเทศว่าจะมีประเด็นใหม่เข้ามามีผลต่อตลาดหรือไม่ เพราะยังคงมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอยู่มาก โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,575-1,580 จุด และแนวต้านที่ 1,600-1,605 จุด