xs
xsm
sm
md
lg

แรงขายลดเสี่ยงกดหุ้นไทยร่วงปิด -9.44 จุด แนะนักลงทุนลุ้นจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -9.44 จุด โบรก ฯ ชี้ SET INDEX แกว่งตัวในแดนลบหลัง นักลงทุนเทขายลดความเสี่ยง แนะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน เม.ย.65 ที่จะประกาศออกมาในคืนนี้ หากต่ำกว่า 8.1% สินทรัพย์เสี่ยงจะตอบรับเชิงบวก แต่หากอยู่ในช่วง 8.1-8.5% ตลาดก็อาจจะทรงๆ พร้อมประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,635 จุด และ แนวรับที่ 1,600 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 11 พ.ค. 2565 ปรับตัวลดลง -9.44 จุด หรือ -0.58% โดยปิดตลาดที่ 1,613.34 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,693.34 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ ดัชนี SET INDEX แกว่งตัวอยู่ในแดนลบอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 1,622.70 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดที่ 1,604.30 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 487 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 427 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,304 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,188.33 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +1,261.91 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -2,928.07 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -522.17ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 3,792.44 ล้านบาท ปิดที่ 11.80 บาท ลดลง 0.30 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,030.06 ล้านบาท ปิดที่ 66.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
3.OR มูลค่าการซื้อขาย 2,824.67 ล้านบาท ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
4.JMT มูลค่าการซื้อขาย 2,081.87 ล้านบาท ปิดที่ 72.75 บาท ลดลง 5.25 บาท
5.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,051.60 ล้านบาท ปิดที่ 153.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 165.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.85%
2.KCE ปิดที่ 61.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.35%
3.OR ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.95%
4.ANA ปิดที่ 45.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.23%
5.ADVANC ปิดที่ 214.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.47%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 362.00 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ 1.63%
2.JMT ปิดที่ 72.75 บาท ลดลง 5.25 บาท หรือ 6.73%
3.JMART ปิดที่ 54.75 บาท ลดลง 2.75 บาท หรือ 4.78%
4.RCL ปิดที่ 42.25 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 4.52%
5.COM7 ปิดที่ 36.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 5.26%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,187.41 จุด ลดลง -12.04 จุด หรือ -0.55% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 961.66 จุด ลดลง -3.83 จุด หรือ -0.40% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 610.50 จุด ลดลง -5.85 จุด หรือ -0.95%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส และนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในแดนลบหลังจากวานนี้ขึ้นไปแรง โดยวันนี้นักลงทุนเลือกขายลดความเสี่ยงระหว่างรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน เม.ย.65 คืนวันนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 8.1% จาก 8.5% ในเดือน มี.ค.65 และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) คาดไว้ที่ 6% จาก 6.5% ในเดือน มี.ค.65 หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าตลาดคาดจะส่งผลดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น

จากแรงขายลดความเสี่ยงทำให้ตลาดย่อตัวลงแรง แต่ก็มีแรงดึงกลับขึ้นมาได้บ้างระหว่างทาง ขณะที่ดาวน์โจน์ฟิวเจอร์บวกขึ้นไปเรื่อยๆ ตลอดวัน และตลาดยุโรปเปิดแดนบวกระหว่างรอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเช่นกัน เพราะเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อที่จะออกมาในคืนนี้ หากต่ำกว่า 8.1% สินทรัพย์เสี่ยงจะตอบรับเชิงบวก แต่หากอยู่ในช่วง 8.1-8.5% ตลาดก็อาจจะทรงๆโดยประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,635 จุด และแนวรับที่ 1,600 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น