ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้พลิกผันจนนักลงทุนจับทิศทางไม่ถูก ทำท่าจะฟื้น แต่กลับฟุบหนักลงไปอีก จนโบรกเกอร์บางสำนักส่งสัญญาณมาแล้ว ดัชนีหุ้นรอบนี้อาจไหลลงลึกแตะระดับ 1,550 จุดได้
สถานการณ์แวดล้อมตลาดหุ้นถูกปกคุมด้วยข่าวร้าย โดยสงครามรัสเซียกับยูเครนยังดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งต่อไปในกลางเดือนมิถุนายนเริ่มมีการพูดถึงอัตรา 0.75% กันอีกครั้ง เพราะเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งขึ้นสูงมาก
และประเด็นที่จะต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดนับจากนี้คือ ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติ
เพราะเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ต่างชาติพลิกกลยุทธ์ขนหุ้นออกมาขาย และขายหนัก 2,928 ล้านบาท ซึ่งกดดันให้ดัชนีหุ้นทรุดลงอีกครั้ง หลังจากดีดตัวขึ้นแรกเมื่อวันอังคารที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิ 1.21 แสนล้านบาท และเป็นการกลับมาซื้ออย่างมีนัยสำคัญครั้งแรกในรอบ 6 ปี กระตุ้นให้บรรยากาศการซื้อขายหุ้นคึกคัก ดัชนีหุ้นทะยานขึ้นจนตีฝ่าระดับ 1,700 จุดขึ้นไปได้ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์
แต่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์หลายสำนักประสานเสียงในมุมมองที่สอดคล้องกัน โดยประเมินว่า ช่วง 8 เดือนที่เหลือของปีนี้ นักลงทุนต่างชาติจะชะลอการซื้อลง ซึ่งหากไม่มีแรงซื้อต่างชาติหนุนเหมือน 4 เดือนแรก ตลาดหุ้นอาจกลับสู่ช่วงขาลง และเริ่มปรับตัวลงกันแล้ว
แนวรับระดับ 1,600 จุด เอาไม่อยู่แน่ๆ แต่แนวรับระดับถัดไปที่ 1,580 จุด ต้องรอดูว่าจะรับไหวหรือไม่ แต่ถ้ามีปัจจัยลบเข้ามาซ้ำเติม แนวรับลึกๆ ระดับ 1,550 จุดอาจได้เห็น
สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ยังไม่มีการปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีนี้ โดยค่าเฉลี่ยของโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ที่ทำนายไว้ล่าสุด สิ้นปีนี้ดัชนีน่าจะปีนขึ้นไปที่ระดับ 1,750 จุดได้ จากเดิมที่เคยมองว่าจะได้เห็นตัวเลข 1,800 จุด
แต่นักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์บางสำนักเริ่มปรับลดเป้าหมายดัชนีปลายปีแล้ว โดยบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด เป็นค่ายแรกที่ประกาศว่า ดัชนีหุ้นปลายปีนี้จะไปได้แค่ 1,650 จุด เนื่องจากถูกปัจจัยลบรอบด้านกดดัน รวมทั้งการที่ต่างชาติจะชอลการซื้อขาย
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยเริ่มปรับกลยุทธ์การลงทุน โดยให้น้ำหนักในการขายหุ้น และไม่ว่าหุ้นขึ้นหรือลง รายย่อยจองช่องขายหุ้นไว้อย่างเดียว โดยขายไปประมาณ 10,000 ล้านบาท เมื่อวันจันทร์และวันอังคาร
แต่วันพุธกลับมาช้อนซื้อกว่า 2 พันล้านบาท และน่าจะเป็นการตัดสินใจที่รีบเร่งไปหน่อย เพราะซื้อแล้วหุ้นลง ทำให้ต้องแบกหุ้นต้นทุนสูง
ปัจจัยชี้นำตลาดหุ้นระยะสั้นอยู่ที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และการซื้อขายของต่างชาติ
ถ้าดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งทะยาน หุ้นไทยมักจะขึ้นตาม ถ้าต่างชาติไล่ซื้อ หุ้นมักจะขึ้นเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม น้ำหนักของปัจจัยชี้นำการลงทุนขณะนี้น่าจะอยู่ที่นักลงทุนต่างชาติมากกว่า หากต่างชาติขายท่ามกลางภาวะขาดแคลนข่าวดี หุ้นคงจะลง
และต่างชาติเริ่มขยับปรับกลยุทธ์เทขายหุ้นแล้ว ซึ่งหาก 8 เดือนที่เหลือต่างชาติขนเงินกลับ สถานการณ์ตลาดหุ้นคงไม่น่าไว้วางใจ และเสี่ยงที่จะเข้าไปสู่ขาลงที่ยาวนานและภาวะการซื้อขายที่ซบเซายืดเยื้อ
นักลงทุนที่ยังมีเงินสด และจ้องจะช้อนซื้อหุ้น ต้องทบทวงนการตัดสินใจ เพราะอาจเขาไปเก็บหุ้นในช่วงขาลง นำไปตัวเองเข้าสู่ความเสี่ยง
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้น่าจะเน้นการถอยมากกว่าปักหลักสู้ ให้น้ำหนักกับการขายมากกว่าซื้อหุ้น
และต้องระวังฝรั่งตลบหลังถล่มขาย